ประเด็นน่าสนใจ
- ประกาศนี้เกิดขึ้นหลังมีหนุ่มวัย 15 ปี เข้ามารับรักษาตัวที่ รพ.สิชล
- โรคนี้เรียกว่า โรคโมโนนิวคลิโอซิส มีอาการไข้เจ็บคอมีผื่นตามตัว
- การป้องกันเลี่ยงการจูบกับผู้ที่มีเชื้ออยู่ในร่างกาย ใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหาร ไม่ใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น รวมถึงผ้าเช็ดหน้า
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.โรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเตือน ว่า มีเคสคนไข้ หนุ่มวัย 15 มาพบแพทย์ด้วยโรคโมโนนิวคลิโอซิส หรือ โรคติดต่อจากการจูบ โดยระบุว่า
โรคโมโนนิวคลิโอซิส โรคติดต่อจากการจูบ ไข้เจ็บคอมีผื่นตามตัว ผู้ป่วยชายอายุ 15 ปี มาด้วย 7 วันก่อนมีไข้ ปวดหัว อ่อนเพลีย เจ็บคอ เบื่ออาหาร เหงื่อออกตอนกลางคืน เหมือนคล้ายจะเป็นหวัดซื้อยากินเองไม่ดีขึ้น ไปหาหมอที่คลินิกแพทย์ตรวจร่างกายส่องในคอบอกว่ามีหนองเป็นทอนซิลอักเสบ จึงให้ยาต้านเชื้อแบคทีเรียไปกิน
วันต่อมามีผื่นขึ้นเต็มตัวตั้งแต่หน้า คอ หน้าอก หลัง จึงไปพบแพทย์อีกครั้งด้วยกังวลว่าแพ้ยา แพทย์ที่คลินิกเห็นว่าคนไข้อ่อนเพลียมากจึงส่งเข้าโรงพยาบาลสิชล รับคนไข้ตรวจเพิ่มเติมพบต่อมน้ำเหลืองโตที่คอ ม้ามโต ไม่ซีด ไม่เหลือง ตรวจเม็ดเลือดพบว่ามีเม็ดเลือดขาวสูง 12,800 cells/mm 3 มี lymphocyte 50% monocyte 5% atypical lymphocyte 7% เข้าได้กับโรคโมโนนิวคลิโอซิส
โรคโมโนนิวคลิโอซิส เป็นโรคที่เรียกกันว่า โรคติดต่อจากการจูบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr Virus: EBV) ที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางน้ำลาย การไอ หรือการจาม
ในเบื้องต้นผู้ป่วยจะมีไข้ เจ็บคอ และรู้สึกอ่อนเพลีย เมื่อเป็นแล้วมักจะค่อย ๆ หายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยโรคนี้เกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ แต่ส่วนมากเกิดในวัยเด็กไปจนถึงวัยรุ่น
วิธีป้องกันคือหลีกเลี่ยงการจูบกับผู้ที่มีเชื้ออยู่ในร่างกาย ใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหาร ไม่ใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น รวมถึงผ้าเช็ดหน้า หรือของใช้ส่วนตัวต่างๆ
พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำลายหรือเสมหะของผู้อื่น ส่วนตัวผู้ป่วยเองก็พยายามหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อโรคไปยังผู้อื่นด้วยเช่นกัน