ไม่ใช่เรื่องไกลตัวคนไทยและเป็นสิ่งที่ควรต้องระวังเป็นอย่างมากสำหรับเชื้อ “ไวรัสโคโรนา” หรือ “ไวรัสอู่ฮั่น” เพราะตอนนี้ได้เข้ามาระบาดในไทยแล้ว เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและรู้เท่าทันในการป้องกัน ในบทความนี้ได้ทำการสรุปมาให้ได้อ่านกัน
สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
- โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ นี้ พบว่า เป็นกลุ่มเชื้อที่มีต้นกำเนิดมาจากสัตว์ ซึ่งคาดว่า มาจากค้างคาวและงู ในตลาดค้าสัตว์ป่า South China Seafood Market ในเมืองอูฮั่น
- ภายในตลาดมีการค้าสัตว์ป่าหลายชนิด ไม่ว่า งู ค้างคาว นก กระต่าย ฯลฯ
- ไวรัสจะทำให้เกิดอาการป่วยคล้ายอาการหวัดทั่วไป น้ำมูกไหล ปวดหัว เจ็บคอ มีไข้ ไอ ปวดเมื่อยตามตัว และเหนื่อยหอบ
- ในขณะนี้ คาดการณ์กันว่า เชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์นี้ จะมีระยะฟักตัวสั้น คือราว 2-14 วัน
- หากใครมีอาการดังกล่าว และเพิ่งเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น หรือมีความเชื่อมโยงกับผู้ที่เดินทางไปยังเมืองดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์
- ในขณะนี้ “ยังไม่มียารักษา” การรักษา จึงเป็นไปตามอาการที่เกิดขึ้น
ไวรัสโคโรนา เกิดจากอะไร?
“ไวรัสโคโรนา” หรือ “ไวรัสอู่ฮั่น” เริ่มพบในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน โดยเมื่อกลางเดือน
ธันวาคม 2019 เริ่มมีผู้ป่วยโรคปอดอักเสบเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจำนวนหลายราย จากการตรวจสอบพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่นั้นเคยไปที่ตลาดอาหารทะเล (South China Seafood Market) ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งที่นั่นมีการค้าขายสัตว์แปลก ๆ หลายชนิด
จากการตรวจสอบพบว่าเป็นกลุ่มเชื้อที่มีต้นกำเนิดมาจากสัตว์ ซึ่งคาดว่า มาจากค้างคาวและงู ในตลาดค้าสัตว์ป่า South China Seafood Market ในเมืองอูฮั่น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 63 นาย หลี่ ปิน รัฐมนตรีช่วยว่าการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน แถลงการณ์ ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ ตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิต 17 ราย ผู้ติดเชื้อ 547 คน เข้าข่ายติดเชื้ออีก 1,394 คน
ในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อถึง 4 คน และยังมีประเทศอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบอีก อาทิ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, มาเก๊า, ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา
อาการเบื้องต้น
- ในช่วงแรกมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
- อาจจะมีอาการติดเชื้อที่ปอดและทางเดินหายใจ เช่น ปวดหัว เจ็บคอ ไอแห้ง ปวดเมื่อยตามตัว และหายใจเหนื่อยหอบ เหนื่อยหอบ
ทำไมต้องระวัง?
การติดเชื้อ “ไวรัสโคโรนา” หรือ “ไวรัสอู่ฮั่น” สามารถติดต่อได้ง่ายมากผ่านทางระบบทางเดินหายใจ การสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ หากติดเชื้อไวรัสดังกล่าวขึ้นมา และไม่มีการรักษาได้ถูกวิธี มีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวม อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ป้องกันยังไง?
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษ
- ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่มีอาการเสี่ยง เช่น ไอ จาม
- สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต การสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วย หรือตาย
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่สุก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ กินอาหารที่สุกใหม่ ๆ ใช้ช้อนกลางเสมอ
- ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์ เจลล้างมือ อย่านำมือมาสัมผัสปากและตาโดยตรง
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
- รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ ตลาดค้าสัตว์หรือสินค้าจากสัตว์
- หากเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ถ้าพบว่าหลังเดินทางกลับถึงไทย ภายใน 14 วัน มีอาการไข้ ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง
เนื่องจาก
วิธีใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง เพื่อป้องกัน ไวรัสโคโรนา หรือ ไวรัสอู่ฮั่น
- ล้างมือให้สะอาดก่อนสวมใส่หน้ากาก
- สวมหน้ากากให้ขอบที่มีลวดอยู่ด้านบนสันจมูก โดยต้องครอบคลุมทั้งจมูกและปาก ตัวหน้ากากต้องมีรอยจีบพับคว่ำลง เอาด้านที่มีสีเข้ม มีลวดลาย หรือมีลํกษณะมันวาวออกทางด้านนอก
- หน้าหากต้องกระชับกับใบหน้า ขดลวดด้านบนต้องพอดีไม่มีช่องว่างระหว่างใบหน้า หากหย่อนยาน เปรอะเปื้อนหรือชำรุด ต้องเปลี่ยนนใหม่ทันที
- อย่าใช้ซ้ำ ควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกวัน
- แม้จะใส่หน้ากากอนามัยอยู่ ก็ต้องหมั่นล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง โดยเฉพาะเวลาจามหรือไอ
- เมื่อจะทิ้งหน้ากากที่ใช้แล้ว ควรใส่ถุงพลาสติก และทิ้งในถังขยะให้มิดชิด
- หน้ากากอนามัยชนิดผ้า ควรซักและตากแดดให้แห้งทุกครั้งหลังใช้งาน
ประเทศไทยจะควบคุม ไวรัสโคโรนา หรือ ไวรัสอู่ฮั่น ได้ไหม?
สถานการณ์ตอนนี้ในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาล่าสุด ทั้งหมด 4 ราย
- โดย 3 รายเป็นคนจีนที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย (2 รายหายจากเชื้อไวรัสดังกล่าวและได้เดินทางกลับจีนไปแล้ว)
- ส่วนรายที่ 3 ที่ติดเชื้อเป็นคนไทยอยู่ที่จังหวัดนครปฐม จากประวัติเคยไปเที่ยวที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และได้รับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลนครปฐม ตอนนี้อาการดีขึ้น
- รายที่ 4 เป็นนักท่องเที่ยวชายชาวจีน ถูกตรวจคัดกรองที่สนามบินสุวรรณภูมิ และได้พบว่ามีไข้สูงเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา
มาตรการเฝ้าระวังคัดกรอง อย่างเคร่งครัด
กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้มีมาตรการเฝ้าระวังคัดกรอง และป้องกันควบคุมโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนา โดยเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) เฝ้าระวังผู้ป่วยที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นอย่างเคร่งครัด ทำการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศใน 5 ท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต
ซึ่งจะทำการคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการไข้ และมีประวัติการเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น
โดยนักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับบัตรเฝ้าระวังสุขภาพ (Health Beware Card) ให้สังเกตอาการและยื่นให้กับโรงพยาบาลเวลาไปตรวจ ผู้ป่วยที่มีอาการเข้าข่ายเสี่ยง จะถูกแยกกักจนกว่าจะตรวจเสร็จขั้นตอน ถ้าพบว่าติดเชื้อจะติดตามญาติที่เดินทางมาด้วยกันเพื่อตรวจหาเชื้อด้วย
เที่ยวบินจาก ฮู่อัน มีปลายทางที่ไหนบ้าง?
สนามบินอู่ฮั่นให้บริการเที่ยวบินโดยสารตรงไปยังจุดหมายปลายทางทั้งหมด 109 แห่งใน 20 ประเทศ มีปลายทางไปยังเมืองสำคัญหลายที่ รวมถึงในกรุงเทพของไทยด้วย
ไทย : กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง), เชียงใหม่, กระบี่, ภูเก็ต
ญี่ปุ่น : โตเกียว (นาริตะ), โอซากา, นาโกยา
เมียนมา : ย่างกุ้ง, มัณฑะเลย์
กัมพูชา : เสียมราฐ, สีหนุวิลล์
มาเลเซีย : กัวลาลัมเปอร์
เกาหลีใต้ : โซล
สิงคโปร์ : ชางงี
เวียดนาม : โฮจิมินห์
สหรัฐ : นิวยอร์ค, ซานฟรานซิสโก
สหราชอาณาจักร : ลอนดอน
ฝรั่งเศส : ปารีส
รัสเซีย : มอสโก
ออสเตรเลีย : ซิดนีย์
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ : ดูไบ
อิตาลี : โรม
ตุรกี : อิสตันบูล
สถิติการเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นมายังประเทศไทย
สำหรับการเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นมายังประเทศไทย มีสายการบินตรงมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที ถึงกรุงเทพมหานคร และมีผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยวันละ 1,200 คน
คนไทยเดินทางไปประเทศจีนประมาณปีละ 7 แสนคน และอยู่อาศัยในประเทศจีนประมาณ 12,000 คน โดยเป็นนักเรียนนักศึกษาประมาณ 2 ใน 3 ซึ่งเมืองอู่ฮั่นมีนักศึกษาไทยไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ส่วนคนจีนเดินทางมาประเทศไทยปีละประมาณ 10 ล้านคน จากประชากรประมาณ 1,400 ล้านคน
สรุปสิ่งที่ควรทำตอนนี้
ไวรัสโคโรนา” หรือ “ไวรัสอู่ฮั่น” ในขณะนี้ “ยังไม่มียารักษา” การรักษา จึงเป็นไปตามอาการที่เกิดขึ้น ดังนั้นแล้วทุกคนควรป้องกันตนเอง และดูแลคนใกล้ตัวตามวิธีที่แนะนำ ข้างต้น หากพบอาการเข้าข่ายเสี่ยงควรไปพบแพทย์ทันที
อ้างอิงข้อมูลจาก : รพ. พระรามเก้า, หมอแล็บแพนด้า, กรบควบคุมโรคสาธารณสุข
, กรุงเทพธุรกิจ