ข่าวสดวันนี้ ตีกันในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสระแก้ว

ศาลสั่งคุก 2 เดือน ปรับคนละ 7,000 10โจ๋ตีกันหน้าห้องฉุกเฉิน ใน รพ.สระแก้ว

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อนำเสนอข่าว วัยรุ่นสระแก้วห้าว! ตีกันหน้าห้องฉุกเฉิน รพ.สมเด็จพระยุพราช หลังนำพวกที่คาดว่ามีเรื่องกันก่อนหน้านี้มาส่งรักษาตัว ทำเอาหมอ พยาบาล คนไข้อื่นๆ แตกตื่น ตำรวจระงับเหตุก่อนหนีกระเจิงนั้น…

Home / NEWS / ศาลสั่งคุก 2 เดือน ปรับคนละ 7,000 10โจ๋ตีกันหน้าห้องฉุกเฉิน ใน รพ.สระแก้ว

ประเด็นน่าสนใจ

  • เกิดเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันใน รพ.สระแก้ว
  • ตร. เผยกลุ่มผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวแล้ว 10 คน
  • ศาลจังหวัดสระแก้ว ได้มีคำพิพากษาลงโทษ 10 โจ๋ คุกคนละ 2 เดือน ปรับคนละ 7,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษ 1 ปี

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อนำเสนอข่าว วัยรุ่นสระแก้วห้าว! ตีกันหน้าห้องฉุกเฉิน รพ.สมเด็จพระยุพราช หลังนำพวกที่คาดว่ามีเรื่องกันก่อนหน้านี้มาส่งรักษาตัว ทำเอาหมอ พยาบาล คนไข้อื่นๆ แตกตื่น ตำรวจระงับเหตุก่อนหนีกระเจิงนั้น

ได้รับรายงานจาก ภ.จว.สระแก้ว ว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 63 เวลาประมาณ 21.00 น. พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระแก้ว ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทกันบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ

ซึ่งจากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า อดีตสามีภรรยา ปัจจุบันหย่าร้าง ได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ระหว่างนั้นมีพวกของทั้งสองฝ่านประมาณ 10 คน ได้เข้าทำร้ายซึ่งกันและกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งขณะเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้ารับเหตุ

ต่อมาในวันที่(24 ม.ค. 63) ผู้ก่อเหตุทั้งสองฝ่ายจำนวน 10 คน ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐาน “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

และร่วมกันทะเลาะวิวาากันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณะหรือสาธารณะสถานและกระทำให้เสียความสงบเรียบร้อยในทางสาธารณะหรือสาธารณะ” ทั้ง 10 คนพร้อมนำตัวอัยการเพื่อฟ้องต่อศาลต่อไป

รอง โฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า ศาลจังหวัดสระแก้ว ได้มีคำพิพากษาลงโทษ 10 โจ๋ คุกคนละ 2 เดือน ปรับคนละ 7,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษ 1 ปี ทั้งนี้ ขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ว่าการใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหาอาจนำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิต

ร่างกาย ทรัพย์สิน และนำไปสู่การละเมิดต่อกฎหมายบ้านเมือง นอกจากจะส่งผลเสียต่อตนเองและผู้อื่นแล้ว อาจถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งทำให้ทั้งเสียเวลาและมีประวัติตามมา

ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวนั้นไม่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะอาจกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ที่อยู่ระหว่างการช่วยเหลือรักษาผู้ป่วยรายอื่น หรือทำให้ทรัพย์สิน อุปกรณ์ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลได้รับความเสียหายได้ และอาจส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย หรือประชาชนรายอื่นที่เข้ามาใช้บริการภายในโรงพยาบาล

ดังนั้น การจะทำสิ่งใดขอให้มีสติ และใช้วิจารณญาณก่อนจะลงมือกระทำ เพราะเมื่อกระทำไปแล้วอาจนำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้