ภรรยา ‘ทนายสมชาย นีละไพจิตร’ ร้องดีเอสไอ หลังครบรอบ 11 ปีการหายตัววันนี้ แต่คดีไม่คืบ จี้ขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนผู้ดูแลคดีใหม่
นายสมชาย นีละไพจิตร ทนายต่อสู้สิทธิมนุษยชน ในฐานะอดีตประธานชมรมนักกฏหมายมุสลิม และคณะกรรมการช่วยเหลือด้านกฏหมาย สภาทนายความ ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2547 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร1
ทนายสมชาย มักทำคดีด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทนายส่วนมากมักจะปฏิเสธ เช่น คดีที่ชาวบ้านถูกกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในภาคใต้ คดีคนพม่าลี้ภัยการเมือง คดีชาวอิหร่านที่ถูกจับในข้อหาเป็นผู้วางระเบิดสถานทูตอิสราเอลในประเทศไทย
โดยทนายสมชาย เคยมีบทบาทร่วมกับองค์กรมุสลิมต่างๆ ในประเทศไทย รวมทั้งชมรมสมาชิกรัฐสภาไทยมุสลิม เสนอแนวทางในการแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และในเวลาเดียวกันก็เรียกร้องขอความเป็นธรรม ในการสอบสวน 5 ผู้ต้องหา ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายมูจาฮีดีน ซึ่งทนายสมชายได้ยืนยันว่าได้พบกับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน และพบว่าทั้งหมดไม่ได้กระทำความผิด แต่จำต้องรับสารภาพ เนื่องจากถูกตำรวจขู่เข็ญทำทารุณกรรม ซึ่งกรณีนี้สร้างความอับอายให้กับกระบวนการสืบสวนสอบสวนของรัฐเป็นอย่างมาก
จากข้อเท็จจริงของพยาน ยืนยันว่าเห็นทนายสมชายครั้งสุดท้าย เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 12 มี.ค.2547 ซึ่งทนายนายสมชายได้เดินทางไปยังโรงแรมย่านลาดพร้าว เพื่อรอพบเพื่อน แต่เมื่อเพื่อนไม่มาตามเวลาที่กำหนด ทนายสมชายจึงตัดสินใจขับรถไปนอนพักค้างคืนที่บ้านเพื่อนอีกคน ซึ่งระหว่างทางได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 5-6 คน ขับรถยนต์สะกดรอยในระยะกระชั้นชิด ก่อนเร่งเครื่องพุ่งชนท้ายรถทนายสมชายเต็มแรง
โดยทนายสมชาย ได้หยุดรถเพื่อลงมาพูดคุยกับคู่กรณี แต่กลุ่มชายฉกรรจ์กลับเข้าทำร้ายร่างกาย และพยายามอุ้มนายทสมชายให้เข้าไปในรถยนต์ ขณะที่หนึ่งในคนร้าย แยกตัวไปขับรถของทนายสมชายทันที โดยทนายสมชายได้มีการดิ้นรนต่อสู้ แต่สุดท้ายก็ถูกนำตัวเข้าไปในรถของคนร้าย ที่ไม่มีใครรู้ว่ามุ่งหน้าไปที่ไหน และจากนั้นมา ก็ไม่มีใครพบเห็นทนายสมชายอีกเลย
และหลังการหายตัวไปอย่างลึกลับ นางอังคนา นีละไพจิตร ผู้เป็นภรรยาของทนายสมชาย ได้เป็นตัวแทนในการเรียกร้องความเป็นธรรมและมีบทบาทในสังคมสืบเนื่องจากนั้นมา
ซึ่งล่าสุดในวันนี้ (11 มี.ค.) เป็นวันครบรอบ 11 ปีของการหายตัวไปอย่างลึกลับของทนายสมชาย นางอังคณา ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีของทนายสมชาย ผู้เป็นสามี พร้อมกับระบุว่า
ที่ผ่านมาหลังจากที่ดีเอสไอได้รับคดีของนายสมชาย เป็นคดีพิเศษมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.2548 ซึ่งไม่เคยมีการแจ้งผลคดีดังกล่าวให้ครอบครัวได้รับทราบ
นอกจากนี้ ยังทราบอีกว่าคณะพนักงานสอบสวน ที่มี พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.คดีอาญาพิเศษ 1 เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนคดีดังกล่าว ไม่เคยมีการประชุมแม้แต่เพียงครั้งเดียว ดังนั้น วันนี้ตนจึงเดินทางมายื่นเรื่องต่ออธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้มีการเปลี่ยนตัว พ.ต.อ.นิรันดร์ หัวหน้าพนักงานสอบสวน ให้ออกไปจากคดี เพื่อให้มีการแต่งตั้งพนักงานสอบสวนที่มีความรู้ ความสามารถ และเต็มใจมาทำคดีนี้แทน ทั้งนี้ คดีดังกล่าว มีพยานหลักฐานมากมาย จึงเชื่อว่าหากดีเอสไอดำเนินการอย่างจริงจัง คงไม่เกินความสามารถที่จะคลี่คลายคดีได้อย่างแน่นอน
นางอังคณา ระบุอีกว่า ดีเอสไอยอมรับว่าทำงานยากลำบาก เพราะมีนายตำรวจระดับสูงเข้าเกี่ยวข้อง รวมทั้งจนถึงขณะนี้ยังไม่พบศพนายสมชาย และจะมีการเรียกพนักงานสอบสวนคดีนี้มาประชุมเพื่อสอบถามความคืบหน้า ขณะที่ตนแสดงความเห็นว่าศพอาจถูกทำลาย แต่สามารถติดตามได้จากพยานแวดล้อม ตลอดจนการใช้โทรศัพท์
“ดิฉันต้องการให้ดีเอสไอสอบสวนคดีนายสมชาย เต็มความสามารถจนนำไปสู่การฟ้องศาล แล้วผลออกมาอย่างไร ก็พร้อมยอมรับ ซึ่งจะเป็นคุณูปการต่อสังคม เพื่อให้บรรทัดฐานในการทำคดีลักษณะเดียวกันนี้ในอนาคต วันนี้ไม่ได้มาเร่งรัดคดีแต่เป็นเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐ ที่ต้องทำความจริงให้ปรากฏและคืนความเป็นธรรม ไม่ใช่เพียงการเยียวยาอย่างเดียว”
สิ่งที่ทนายสมชายได้ขับเคลื่อนนั้นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาหายตัวไปหรือไม่นั้น ไม่มีใครทราบได้ และจากนี้สังคมคงต้องจับตามองมากขึ้น ว่าดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะสามารถคลี่คลายคดีนี้ให้เกิดความกระจ่างและทำให้เกิดความเป็นธรรมกับครอบครัวทนายสมชายได้หรือไม่ เพราะนี่คงไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ภรรยาจะออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับทนายสมชายผู้เป็นสามี…
ภาพจากเดลินิวส์
MThai News