เปิดแฟ้มประวัติ โศกนาฏกรรมในพิธีศักดิ์สิทธิ์ ชาวมุสลิมสังเวยชีวิต จากเหตุเหยียบกันตาย ระหว่างประกอบพิธีฮัจญ์ ในนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
หลังจากเกิดเหตุสลดใจ ผู้แสวงบุญภายในพิธีศักดิ์สิทธิ์ เหยียบกันตาย ระหว่างการประกอบพิธีฮัญจ์ ภายในนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบียเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่าย เกิดข้อสงสัยในสาเหตุ และมาตรการในการรับมือกับสถานการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นหลายครั้ง จากหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
ในแต่ละปี จากสถิติของการเดินทางมาประกอบพิธีฮัจญ์ ของชาวมุสลิมจากทั่วโลก ที่มีจำนวนมากมายมหาศาลราว 2 ล้านรายในแต่ละปี ดังนั้นสาเหตุของการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากในแต่ละปี มาจากสาเหตุของความแออัด ในระหว่างการเดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธ์เป็นหลัก
ด้านล่างเป็นสถิติยอดผู้เสียชีวิตของผู้แสวงบุญทั่วโลก ที่เดินทางมายังนครเมกกะเพื่อร่วมพิธีฮัจญ์ จากเหตุสลดใจในแต่ละปี
2549 – ผู้แสวงบุญ 364 คน สังเวยชีวิต จากเหตุเหยียบกันตาย บริเวณเชิงสะพานจามารัต ในหุบเขามีนา
2540 – เกิดเหตุไฟไหม้เต้นท์ผู้แสวงบุญในหุบเขามีนา ผู้แสวงบุญเสียชีวิต 364 คน
2537 – ผู้แสวงบุญ 270 ราย เหยียบกันตาย ระหว่างการทำพิธีปาหิน
2533 – เป็นปีที่มีผู้แสวงบุญเสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ จำนวน 1,426 คน เสียชีวิตบริเวณอุโมงค์ที่นำไปสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเหยียบกันตาย
2530 – กองกำลังรักษาความมั่นคง เข้าสลายการชุมนุมต่อต้านสหรัฐ ของผู้แสวงบุญอิหร่าน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 402 คน
ทั้งนี้ในปี 2549 ผู้แสวงบุญในพิธีฮัจญ์ เกิดแตกตื่น บริเวณเดียวกันในปีนี้ ที่เพิ่งเกิดเหตุเหยียบกันตายไปหมาด ๆ คือสะพานจามารัต สะพานที่ล้อมรอบไปด้วยเสาหลัก รวมถึงผู้แสวงบุญทุกคน จะต้องขว้างหิน ไปยังเสาหินดังกล่าวที่อยู่ด้านข้าง เพราะเป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรม เนื่องจากมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ทั้งยังเป็นเหมือนเสามัจจุราช ที่คร่าชีวิตผู้คนที่สัญจรผ่านเช่นกัน
สะพานจามารัต แห่งหุบเขามีนา ถือว่าเป็นจุดอันตรายจุดสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลที่มีผู้แสวงบุญหลั่งไหลกับไปยังจุดดังกล่าว ด้วยการเดินเท้าเป็นจำนวนมาก ถึงแม้รัฐบาลซาอุฯ จะพยายามหามาตรการในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว ด้วยการสั่งปรับปรุงสะพาน รวมถึงเพิ่มทางออกฉุกเฉิน แต่กระนั้น ก็ยังเกิดเหตุการณ์ ‘ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย’ ขึ้นอีกครั้ง
โดยเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย พยายามยกระดับสถานที่ทางความเชื่อของชาวมุสลิมในประเทศ ด้วยการสร้างสะพานเดินเท้าเพิ่มเติมอีกกว่า 450 แห่ง และติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ให้สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ง่ายยิ่งขึ้น
แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวานนี้ ซึ่งมีชาวมุสลิม สังเวยชีวิตกว่า 717 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 863 ราย จะไม่ได้เกิดบริเวณสะพานจามารัต แต่เกิดขึ้นในระหว่างทางที่นำไปสู่สะพานดังกล่าว
กระนั้น ได้มีเสียงสะท้อนออกมาจากผู้แสวงบุญที่อยู่ในเหตุการณ์ชุลมุน ขณะเกิดเหตุเหยียบกันตาย ว่าเจ้าหน้าที่จากทางการซาอุฯ มีความบกพร่องในการจัดงาน การขาดทางออกฉุกเฉิน และความเฉื่อยชาในการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ ผู้แสวงบุญที่กำลังประสบภัย รวมถึง เลือกปฏิบัติต่อผู้เสียชีวิตชาวแอฟริกา ประจักษ์พยานบางส่วนเล่าว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัย ปล่อยศพทิ้งไว้อยู่บนถนนอย่างนั้น ไม่พยายามเร่งมือในการจัดการกับสถานการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ในพื้นที่ใกล้เคียงกลับมีโรงพยาบาลเพียงแห่งเดียว เพื่อที่จะรองรับผู้แสวงบุญที่มีจำนวนมากมายมหาศาล ทั้งยังขาดระบบการป้องการการเกิดเหตุเพลิงไหม้ ภายในมัสยิดฮะรอม
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางการซาอุดิอาระเบีย รายงานว่า กษัตริย์ซัลมาน ทางมีบรมราชโองการสั่งทบทวนแผนการประกอบพิธีฮัจย์ประจำปี และเร่งสอบสวนเหตุเหยียบกันตายที่นอกนครศักดิ์สิทธิเมกกะอย่างเร่งด่วน หลังจากเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในด้านนโยบายการรับมือกับสถานการณ์ชุลมุน ที่ยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งปัจจัยสำคัญคือ พื้นที่ในพิธิศักดิ์ลิทธิ์ในบางจุด ที่ไม่สามารถรองรับผู้แสวงบุญที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลกได้
ดูบทความต้นฉบับ : The tragic stampede near Mecca is part of a grim pattern