เป็นประเด็นที่ถูกนำมาโจมตี สำหรับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ว่าไม่ได้เป็น ส.ส. เหตุใดจึงเสนอตัวเป็นนายกฯ ซึ่งพรรคเพื่อไทย ส่งรายชื่อ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวม 97 คน แต่จากระบบการคิดคะแนน การที่ได้ ส.ส. เขตจำนวนมาก ทำให้ไม่ได้ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์แม้แต่คนเดียว
ย้อนดูรายชื่อบรรดาบิ๊กเนมของเพื่อไทย นอกจากคุณหญิงสุดารัตน์ ที่ไม่ได้เข้าสภาฯ เช่น พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์, นายชัยเกษม นิติสิริ, นายภูมิธรรม เวชยชัย, นายเสนาะ เทียนทอง, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายโภคิน พลกุล, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา, นายนพดล ปัทมะ, นายอดิศร เพียงเกษ, พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี, พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภาภรณ์, นายชูชาติ หาญสวัสดิ์, นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น, นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ฯลฯ
ประเด็นกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ได้เป็น ส.ส. กับการเป็นนายกรัฐมตรี MThai มีโอกาสได้สอบถามนักวิชาการ ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ในเรื่องนี้ ซึ่งระบุว่า
“เขามาตามกลไกรัฐธรรมนูญ เหมือนพลเอกประยุทธ์ที่เป็นแคนดิเดต ใครที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. คือพรรคระบุชื่อผู้ที่ถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อนแล้ว ก็ไม่ผิดอะไร”
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยไม่มี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เลยนั้น จะมีผลอย่างไรบ้าง ผศ.วันวิชิต ให้ความเห็นว่า
“อาจจะมีผล เพราะว่าไม่มีแกนนำหรือผู้มีอาวุโสของพรรคเข้าไปควบคุมในที่ประชุมสภาฯ อาจจะคุมเกมทิศทางของวิปไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลได้ยากลำบาก รวมทั้งการอ่านทิศทางลมทางการเมืองในที่ประชุมสภาฯ”