หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันยังมีเวลารวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ขอรอผลคะแนนอย่างเป็นทางการจาก กกต. วอนหยุดอ้างประชาธิปไตย
วันนี้ (27 มี.ค.62) ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค และนายอิทธิพล คุณปลื้ม กรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงข่าวท่าทีของพรรคต่อกรณีการแถลงข่าวเตรียมรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่นที่เป็นพันธมิตร
นายอุตตม กล่าวว่า การรวมเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการหารือกับพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อดำเนินการไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล พรรคมีจุดยืนชัดเจนที่จะยังไม่พูดถึงการจัดตั้งรัฐบาล เพราะในเรื่องของคะแนนยังไม่เป็นที่ยุติ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐ ต้องดำเนินการหารือกับพรรคอื่นต่อไป โดยพรรคเชื่อว่ายังมีเวลาที่จะเดินสายหารือเพือให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน เพื่อให้เกิดความราบรื่นต่อไป
ทั้งนี้นายอุตตม กล่าวยอมรับว่าได้คุยกับพรรคจำนวนหนึ่ง ทั้งพรรคใหญ่และพรรคเล็ก แต่ประเด็นหลักวันนี้ยังไม่มีฝั่งใดที่จะยืนยันตัวเลขได้ชัดเจนว่าแต่ละพรรคได้เสียงเท่าไหร่จึงยังไม่สามารถพูดได้ว่าใครจะรวมเสียงกันไ้มากน้อยอย่างไร
“เราจะทำต่อเนื่องตามหลักการในการคำนวณเสียงให้ได้มากที่สุด ส่วนที่พรรคเพื่อไทยประกาศจับมือกับพรรคต่างๆในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐมองว่าเวลายังมีอยู่ พรรคเราไม่รีบร้อน”นายอุตตม กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีที่พรรคเพื่อไทยรวมเสียงได้ก่อนพรรคมองอย่างไร นายอุตตม กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีการรวมเสียงได้ทั้งนั้น เพราะกกต. ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ยังไม่นีบร้อนตั้งเป้าจะเป็นรัฐบาล ต้องดูเสียงก่อนและต้องฟังพรรคการเมืองอื่นด้วย
เมื่อถามถึงตัวเลขเป้าหมายที่ตั้งไว้ในใจ นายอุตตม กล่าวว่าเร็วไปที่จะพูดในขณะนี้ ส่วนการที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ยังสงวนท่าทีในการแถลงจับมือกับพรรคเพื่อไทยเหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่ามีโอกาสร่วมงานกันกับพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ ว่าอยู่ในกระบวนการเสนอชื่อไว้ก่อน ถึงเวลาจะพูดคุยกัน
อย่างไรก็ตามพรรคขอยืนยันว่าตัวเลขไม่ใช่สาระสำคัญเปลี่ยนแปลงได้ทุกวันการคำนวณยังไม่สิ้นสุดเราตั้งใจพัฒนาพรรคให้เป็นพรรคการเมืองถาวร เพื่อปฎิบัติตามเจตนารมย์ที่ประชาชนเลือกพวกเราเข้ามาทำหน้าที่
ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่าการรวมตัวกันเป็นการแสดงความช่วงชิงทางการเมือง เป็นการฉกฉวยในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อสร้างความชอบธรรม ซึ่งในความเป็นจริงผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการยังไม่ออกมา และการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนกับการเลือกตั้งครั้งก่อนๆในอดีต เพราะเป็นระบบจัดสรรปันส่วนที่ต้องคิดหาคะแนนอย่างละเอียดทั้งส.ส.แบบเขตและบัญชีรายชื่อ
“วันนี้หยุดอ้างความเป็นประชาธิปไตยได้แล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้จะได้เสียงเท่าไหร่ก็ตาม ต้องหยุดอ้างประชาธิปไตย วันนี้ ประชาชนเลือกพรรคพลังประชารัฐ 7.9 ล้านคน ถือว่ามีสิทธิมีเสียง การแถลงของพรรคหนึ่งพรรคใดที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ต้องเคารพเสียงของประชาชน 7.9 ล้านเสียงด้วย ประชาธิปไตยที่แท้จริงคือเคารพเสียงทุกคน เคารพเสียงทุกเสียง แล้วมองเสียงอื่นไม่ใช่ประชาธิปไตยได้อย่างไร อย่านำคำว่าประชาธิปไตยมาสร้างความแตกแยกให้ประชาชนหรือความขัดแย้งในสังคมอีกเลย” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้ทางด้านเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ย้ำว่า วันนี้ไม่มีฝ่ายประชาธิปไตยหรือฝ่ายเผด็จการ และยืนยันว่าบุคคลที่เหมาะสมในสถานการณ์ขณะนี้คือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนประชาธิปไตยเพื่อประชาชน พยายามให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ไม่สร้างวาทกรรมแบ่งแยกให้เกิดความรู้สึกเป็นคนละฝั่งคนละฝ่าย ตอกย้ำความแตกแยกของประเทศ