พิธีไหว้ครู วัดบางพระ สักยันต์ หลวงพ่อเปิ่น

ความเชื่อ หรือ อุปทานหมู่ เมื่อเหล่าลูกศิษย์ของขึ้นกลางงานพิธีไหว้ครู

พิธีไหว้ครู เป็นพิธีกรรมที่เป็นประเพณีของไทยที่นิยมปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อแสดงถึงความระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ผู้อบรมสั่งสอนวิชาความรู้ เรียกได้ว่าเป็นพิธีที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ศิษย์ได้มีความกตัญญูกตเวที แสดงตนขอเป็นศิษย์ของท่านโดยตรง ซึ่ง การสักยันต์ ถือเป็นของคู่กันกับพิธีไหว้ครู โดยเฉพาะที่ วัดบางพระ จ.นครปฐม เจ้าของตำนานรอยสักเสือเผ่น ของ หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ…

Home / NEWS / ความเชื่อ หรือ อุปทานหมู่ เมื่อเหล่าลูกศิษย์ของขึ้นกลางงานพิธีไหว้ครู

พิธีไหว้ครู เป็นพิธีกรรมที่เป็นประเพณีของไทยที่นิยมปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อแสดงถึงความระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ผู้อบรมสั่งสอนวิชาความรู้ เรียกได้ว่าเป็นพิธีที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ศิษย์ได้มีความกตัญญูกตเวที แสดงตนขอเป็นศิษย์ของท่านโดยตรง

ซึ่ง การสักยันต์ ถือเป็นของคู่กันกับพิธีไหว้ครู โดยเฉพาะที่ วัดบางพระ จ.นครปฐม เจ้าของตำนานรอยสักเสือเผ่น ของ หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ หรือ “พระอุดมประชานาถ” เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่ง อ.นครชัยศรี ที่ละสังขารไปแล้วกว่า 17 ปี แต่ยังมีเหล่าลูกศิษย์ลูกหาที่ยังคงนับถือท่านเป็นจำนวนมาก มารวบตัวกันทุกปีในงานไหว้ครู ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2562

เรียกได้ว่า วัดบางพระ เป็นที่รวบรวมศิษยานุศิษย์ที่สักยันต์มากที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว โดยเหล่าลูกศิษย์ที่มีความเลื่อมใสและศรัทธาในพระพุทธศาสนานับหมื่นคน ต่างหลั่งไหลเข้ามาร่วมพิธีไหว้ครูครั้งนี้ อีกทั้งศิษยานุศิษย์หญิงชายที่มีความนิยมชมชอบ สักยันต์ เช่น หนุมาน, หมูป่า ,พ่อแก่ฤาษี เสือเผ่น ,ลิงลม ก็ได้มารอต่อคิวกันตั้งแต่เช้ามืด เพื่อให้พระอาจารย์ได้ใช้ปลายเข็มที่แหลมคม จุ่มด้วยน้ำหมึกและว่านแบบโบราณ จรดลงบนผิวหนังของผู้ศรัทธา ซึ่งบุคคลเหล่านี้ต้องทำการรักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ในอดีตจะเป็นผู้ชายเสียส่วนใหญ่ที่สักยันต์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เหล่าหญิงสาวก็ได้หันมานิยมชมชอบการสักยันต์มากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อน หากหญิงใดมีรอยสักยันต์ จะถือว่า ร่างกายมีตำหนิ แต่ปัจจุบันกลับมีหญิงสาวมากมายหันมาสักยันต์ ซึ่งนิยมสักเป็นแบบเมตตามหานิยม การค้าขาย เสน่ห์ ทำให้ที่ วัดบางพระ แห่งนี้มีจำนวนผู้ศรัทธาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผสมกันไป

และที่ขาดไม่ได้ในงานพิธีไหว้ครู คงหนีไม่พ้นอาการ “ของขึ้น” ซึ่งมีให้เห็นทุกปี จนเกิดเป็นคำถามว่า นี่ใช่อุปทานหมู่หรือไม่?

พี่รุ่ง กระแสร์สินธุ์

นายรุ่ง กระแสร์สินธุ์ หรือ พี่รุ่ง อายุ 50 ปี ผู้ที่ศรัทธาหลวงพ่อเปิ่น เผยโดยส่วนตัวมองว่า การสักยันต์เป็นรสนิยมของคนไทย เป็นเหมือนกุศโลบายที่ทำให้คนไทยหันมาสนใจเข้าวัดมากขึ้น และไม่ว่าการแต่งกายคุณจะเป็นนักเรียนสถาบันไหนก็แล้วแต่ ถ้าได้มาสักยันต์ที่ สำนักวัดบางพระ เราคือพี่น้องกัน ถึงจะไปเจอกันข้างนอก แต่พอเห็นลายสักยันต์ หนักก็จะเป็นเบา ถือว่า ศิษย์หลวงปู่เดียวกัน

เมื่อถามถึงเรื่องอุปทานหมู่ พี่รุ่ง กล่าวว่า จากประสบการณ์ของผมเอง ผมสักมา 20 กว่าปี ผมสักเกือบเต็มหลัง ใช้เวลา เกือบ 10 ปี ซึ่งผมมาทุกปี ผมก็ไม่เคย ของขึ้น เราอาจจะยังภาวนาไม่ดี ทำตัวไม่สะอาดพอ และยังไม่ได้สวดมนต์ถือศีล 5 ซึ่งเป็นศีลขั้นพื้นฐานของคนไทยอยู่แล้ว พอสักไปเรื่อยๆ แล้วเราจะรู้เองว่า ของดีมันเริ่มเข้าตัวเรา เริ่มรู้จาก ขนลุก ขนพอง เริ่มมีอาการทางอักขระภาพยันต์ต่างๆ ในตัวเรา หลังจากที่สักยันต์ไปสักพัก ผมก็ควบคุมสมาธิตัวเอง คุมใจตัวเองว่าเราจะต้องไม่ขึ้น ผมก็ยังเตือนน้องๆ หลายคนว่า ‘การที่คุณมาไหว้ครู แล้วของคุณขึ้น นั้นคือคุณรักษาของอยู่ แต่ถ้าคุณอยากเก่งกว่านั้น คุณต้องคุมของตัวเองให้อยู่’

คนที่ไม่เคยสัก เขาอาจจะคิดว่า อุปทานหมู่ ได้ยินเสียงหลวงปู่คุณก็ลุกเฮ ได้ยินเสียงกลองยาวคุณก็ลุกเฮ แต่จริงๆ แล้ว ช่วงที่ผมเป็นพี่เลี้ยง ผมจะดูอาการออกว่า คนนี้ ของขึ้น จริงหรือไม่จริง โดยจะมีอาการ ตั้งแต่ มือไม้เกร็ง ตาขวาง และก็ท่าทางของยันต์แต่ละที่ที่ออกมา ตัวผมก็มียันต์ติดเต็มตัว หน้าอก ด้านหลัง และก็ขา เราก็จะรู้ จากประสบการณ์ในหลายๆ ปีที่มาไหว้ครู ว่า อย่างนี้คือ ดำดื้อ แดงเกเร อันนี้ คือ หนุมาน อันนี้คือ หมูป่า อันนี้คือ พ่อแก่ฤาษี เราจะรู้ว่า คนที่ของขึ้นเนี่ย เขาขึ้นจริงไหม หรือ ตามแอบเพื่อนมา สักเต็มตัวแล้ว เพื่อนขึ้นเราไม่ขึ้น ก็ขอขึ้นตามเขา อย่างนั้นเขาเรียก อุปทานหมู่ การที่ผมได้ไปจับตอนเขาของขึ้นมาเนี่ย จะรู้ว่าคนนี้ของขึ้นจริง ไม่ใช่ว่า อุปโลกน์ ตัวเอง อยากจะของขึ้น ซึ่งถ้ายังโกหกตัวเอง คุณไม่มีสิทธิ์ของขึ้นหรอก

ส่วนวิธีแก้ของขึ้น ใช้ 2 มือ ตบที่หูเบาๆ หรือใช้มือลูบหน้าตรงจมูก หรือยกขาให้สูงกว่าตัว การไม่ให้ของขึ้นจะเตือนสติให้หายใจลึกๆ ให้ลืมตาไม่ให้หลับตา ซึ่งบางคนไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง หลังจากนั้นก็มีการปะพรมน้ำพระพุทธมนต์ โดยหลวงพ่อสำอางค์ และพระเกจิที่อยู่บนปรัมพิธีเป็นผู้ปะพรม ใช้ปั้มน้ำในการฉีดน้ำมนต์เนื่องจากมีคนจำนวนมาก เมื่อเริ่มพรมน้ำมนต์บรรดาลูกศิษย์ได้กรูกันเข้ามาที่หน้าพิธี ซึ่งหลายๆ คนเมื่อโดนน้ำมนต์ก็มีอาการของขึ้นกัน ต่างส่งเสียงร้องคำรามจนลั่นวัด ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงในการพรมน้ำมนต์ให้บรรดาลูกศิษย์จนหมด

ด้าน พระอาจารย์อภิญญา คนุตฺตโม หรือ หลวงพี่ญา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางพระ กล่าวว่า อาการของขึ้นมากที่สุดน่าจะเป็นเสือเผ่น รองลงมาเป็นฤาษี (พ่อแก่) หนุมาน ลิงลม หมูทองแดง และปลาไหล ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีคนสักยันต์รูปเสือเผ่นมากกว่าสัตว์อื่นๆ

“เหตุที่คนสักมากขึ้น เพราะสภาพสังคมขาดที่พึ่งทางใจ สักแล้วจะทำให้ชีวิตดีขึ้น คุ้มครองให้เกิดความปลอดภัย ส่วนอาการของขึ้น มีทั้งขึ้นจริงและขึ้นตามเพื่อน รายที่ขึ้นตามเพื่อน เพราะถ้าไม่ขึ้นอาจจะคิดไปเองว่าไม่ขลัง จึงต้องทำแกล้งบ้าง รายที่แกล้งขึ้นจะสังเกตได้ง่ายๆ คือ ขึ้นบ่อยครั้งมากเกินไป” หลวงพี่ญากล่าว

ทั้งนี้ หลวงพี่ญา พูดไว้อย่างน่าคิดว่า “ใครที่สักยันต์จากสำนักวัดบางพระ ใช่ว่าสักไปแล้วจะขลัง มีพุทธคุณเข้มขลังเสมอไป” ต้องยึดหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ ศีล 5 อย่าให้ขาด โดยเฉพาะข้อ 3 ห้ามผิดลูกเขาเมียเขา เที่ยวซ่องโสเภณี ใครผิดข้อนี้ข้อเดียว พุทธคุณของยันต์ไม่แสดงปาฏิหาริย์ นอกจากนี้ ยังห้ามด่าบุพการี ห้ามกินน้ำเต้า มะเฟือง และ ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย ตะพานหัวเดียว

สำหรับ วัดบางพระ ในทุกๆ ปี ทางวัดจะจัดให้มีพิธีไหว้ครูใหญ่ประจำปีขึ้นในวันเสาร์กลางเดือน ๔ เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณบุรพาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา โดยในวันงานจะคับคั่งไปด้วยศิษยานุศิษย์ที่มารวมตัวกันอย่างล้นหลาม จนทำให้พื้นที่บริเวณลานวัดดูแคบไปอย่างถนัดตา

“วันเสาร์เป็นวันที่แข็งที่สุด พิธีการอันใดที่วัดจัดขึ้นในวันนี้ จะมีกฤตยานุภาพเข้มแข็งมาก วันบูชาครูเป็นวันที่เสมือนเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที น้อมระลึกเคารพนับถือบุญคุณของบูรพาจารย์ ครูบาอาจารย์ คณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ วิชาไสยเวท คาถาอาคม คัมภีร์ต่างๆ ให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตั้งมั่นกระทำแต่ความดี”