พรรคอนาคตใหม่

โซเชียลแห่แชร์! คำเตือนถึง ‘ธนาธร’ และ ‘พรรคอนาคตใหม่’

โลกออนไลน์แห่แชร์ โพสต์ของ “นิวัฒน์ ลีวงศ์วัฒน์” ฝากคำเตือนถึง ‘ธนาธร’ และ ‘พรรคอนาคตใหม่’ วันที่ 30 มี.ค.62 ขณะนี้สังคมออนไลน์ให้ความสนใจไปที่โพสต์ของผู้ใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊ก “นิวัฒน์ ลีวงศ์วัฒน์” โดยโพสต์ดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้…

Home / NEWS / โซเชียลแห่แชร์! คำเตือนถึง ‘ธนาธร’ และ ‘พรรคอนาคตใหม่’

โลกออนไลน์แห่แชร์ โพสต์ของ “นิวัฒน์ ลีวงศ์วัฒน์” ฝากคำเตือนถึง ‘ธนาธร’ และ ‘พรรคอนาคตใหม่’

วันที่ 30 มี.ค.62 ขณะนี้สังคมออนไลน์ให้ความสนใจไปที่โพสต์ของผู้ใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊ก “นิวัฒน์ ลีวงศ์วัฒน์” โดยโพสต์ดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้ “#สาส์นถึงคุณธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ ในวันแรกของการเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ ต้องบอกเลยว่า มันทำให้การเลือกตั้งในครั้งนี้มีสีสันขึ้นมามากๆ ทำให้หลายๆคนที่เบื่อการเมืองแบบเดิมๆ และอยากเห็นสิ่งใหม่ พรรคใหม่ๆ คนใหม่ๆ ที่พอจะเป็นความหวังให้กับประเทศไทยได้บ้าง เริ่มมีความหวังอีกครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นโปรไฟล์ของหัวหน้าพรรค ทีมงานคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีนักการเมืองหน้าเก่าๆ อยู่เลย การทำประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นพูดในเวทีต่างๆ การออกสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อโซเชียลทั้งหลาย ทำให้พรรคอนาคตใหม่เป็นที่รู้จักและจดจำของประชาชนคนไทยได้ในระยะเวลาอันสั้น ความนิยมของพรรคอนาคตใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศีกษา หรือแม้แต่ในกลุ่มวัยต่างๆ และทำให้ถูกคาดหมายว่าน่าจะเป็นอีกพรรคนึงที่มีโอกาสเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ผมเองก็รู้สึกชื่นชมคุณธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะเมื่อได้ติดตามดูคลิปการปราศรัยและข้อมูลส่วนตัวด้านต่างๆ ผมรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ได้รับรู้เกี่ยวกับคุณธนาธรเป็นอย่างมาก ตอนนั้นยังมีความคิดเลยว่า พรรคอนาคตใหม่ อาจจะเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่มาฆ่า (Disrupt) พรรคการเมืองเก่าๆ ที่ไม่ยอมปรับตัว เราอาจจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงใหม่เกิดขึ้นในวงการการเมืองบ้านเรา

แต่อีกด้านนึง ผมก็มีความกังวลเล็กๆ กับปรากฏการณ์หรือกระแส “ธนาธรฟีเว่อร์” นี้ เพราะจำได้ว่า ปรากฏการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งนึง สมัยที่คุณทักษิณเปิดตัวพรรคไทยรักไทยใหม่ๆ มันอารมณ์เดียวกันเลยครับ และผมยังจดจำวลีที่ว่า “รวยแล้วไม่โกง” ได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งสุดท้ายผลเป็นอย่างไรก็คงทราบๆกันดี ก็ได้แต่ภาวนาครับ ว่าอย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกเลย ยังไงเราก็ควรให้โอกาสเขาได้พิสูจน์ตัวเองเสียก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที

ในช่วงหลังผมเริ่มได้รับข้อมูลเกี่ยวกับคุณธนาธรและเลขาธิการพรรค คือ คุณปิยะบุตร ที่ทำให้ผมไม่ค่อยสบายใจซักเท่าไหร่ และก็เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกับผม โดยเฉพาะแนวความคิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งคุณปิยะบุตรนั้นชัดเจนมากๆ และนั่นก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่ได้จำนวนส.ส.และคะแนนป๊อปปูล่าร์โหวตมาเป็นอันดับสาม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้กระแสความนิยมในพรรคนี้ น่าจะทำให้มีโอกาสได้จำนวนส.ส.และคะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งเสียด้วยซ้ำ

การที่คุณธนาธรและคุณปิยะบุตรมีความคิดแบบนี้ โดยส่วนตัวแล้ว ผมก็เคารพในความคิดของคุณทั้งสองนะครับ เพียงแต่การที่คุณจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด คุณคงต้องฟังเสียงคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ด้วย ว่าเขาพร้อมที่จะเปลี่ยนไปกับคุณหรือไม่ อันที่จริงการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในปี 2475 ก็น่าจะเป็นบทเรียนที่ดีนะครับ ว่าถ้าหากเราดันทุรังที่จะเปลี่ยนโดยที่ประชาชนยังไม่พร้อมมันจะเกิดผลเสียอย่างไร อย่าเอาประเทศไทยไปเทียบกับประเทศฝรั่งเศสเลยครับ เพราะบริบทมันต่างกันมาก การปฏิวัติในประเทศฝรั่งเศสนั้น เพราะสถานการณ์มันสุกงอมแล้ว จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็ต้องเสียเลือดเสียเนื้อไปมิใช่น้อย ซึ่งเราคงไม่ต้องการให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยกระมังครับ

อันที่จริงแล้ว ถ้าคุณต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจริงๆ และเป็นการทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจที่ต้องการให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า โดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง หากคุณต้องการให้เกิดการดิสรัปชั่น (Disruption) ในระบอบการปกครองของไทย คุณก็สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับสถาบันพระมหากษัตริย์เลยแม้แต่น้อย

เพราะถ้าเราศึกษาให้ดี เราจะพบว่า “การดิสรัปชั่น” หรือ ที่บางคนเรียกมันว่า “การทำลายเชิงสร้างสรรค์” นั้น มิใช่การไปทำลายสิ่งเก่าให้หมดไป แต่เป็นการทำให้สิ่งใหม่เป็นที่ต้องการมากกว่า จนความนิยมในสิ่งเก่าค่อยๆเสื่อมซาไปเอง

ผมได้มีโอกาสฟังคลิปๆนึงที่คุณปิยะบุตรจัดรายการคู่กับภรรยาของเขา เกี่ยวกับระบอบการเมืองของไทย คุณปิยะบุตรก็พูดเองไม่ใช่หรือครับ ว่าถ้าต้องการให้บทบาทของสถาบันกษัตริย์ที่มีต่อการเมืองลดลง เราต้องทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่งนะครับ คุณไม่ต้องไปยุ่งกับสถาบันกษัตริย์เลย เพราะท่านก็ไม่ได้อยากมายุ่งกับพวกคุณอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกนักการเมืองนี่แหละที่สร้างปัญหาไว้ แล้วก็แก้กันไม่ได้ สุดท้ายท่านก็ต้องลงมาช่วยคลี่่คลายให้ ถ้าสถานการณ์บ้านเมืองไม่ถึงทางตัน ถามว่าจะมีทหารหน้าไหนออกมาทำรัฐประหารได้ และถ้าจะมีประชาชนก็คงไม่ยอมอย่างแน่นอน แต่การรัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมา นอกจากจะไม่มีการเสียเลือดเสียเลือดแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ยังให้การสนับสนุนการทำรัฐประหารด้วย เพราะต้องการให้ประเทศชาติกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

หากคุณได้เป็นรัฐบาล แค่คุณเข้ามาแก้ปัญหาต่างๆ ที่รัฐบาลก่อนหน้า(หลายๆรัฐบาล)ได้ทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความแตกแยกของคนในชาติ ปัญหาปากท้องของประชาชนระดับรากหญ้า ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ฯลฯ ถ้าคุณสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ก็ไม่เห็นต้องกลัวทหารออกมาทำรัฐประหาร ก็ไม่เห็นต้องกลัวว่าสถาบันจะเข้ามาก้าวก่ายการทำงานของคุณ ทำให้การเมืองมีเสถียรภาพซิครับ ทำให้นักการเมืองเป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้ซิครับ เพียงเท่านี้บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อการเมืองก็จะลดลงโดยปริยาย โดยที่คุณไม่ต้องไปยุ่งกับสถาบันพระมหากษัตริย์และมาตราใดๆที่เกี่ยวข้องเลยด้วยซ้ำ พิสูจน์ตัวเองให้ประชาชนเห็นก่อนซิครับ ว่าคุณคือ “ของจริง” อย่าเพิ่งคิดจะไปเปลี่ยนโน่นนี่นั่นเลยครับ ทำให้เราเชื่อมั่นในตัวคุณให้ได้ก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง

สุดท้ายนี้ ผมอยากจะเตือนคุณธนาธรและพรรคอนาคตใหม่เป็นครั้งสุดท้าย ว่าถ้าวันนี้ฟากฝั่งของคุณได้เป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล อย่าไปยุ่งกับสถาบันพระมหากษัตริย์และทหารเลยครับ เขาก็อยู่ของเขาดีๆ หากนักการเมืองไม่สร้างความอัปปรีย์เอาไว้จนประเทศชาติเสียหาย เขาก็คงไม่มาวุ่นวายกับนักการเมืองหรอกครับ แต่ถ้าคุณยังดึงดันที่จะทำในสิ่งที่คุณคิด คุณจะได้เห็นพลังที่แท้จริงของมวลมหาประชาชนอีกครั้ง ว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ขนาดแค่ขับไล่รัฐบาลขี้โกงเขายังออกมากันหลายล้านเลย ผมไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าคุณไปแตะสิ่งที่พวกเขารักและศรัทธาแล้วล่ะก็ เขาจะออกมากันเท่าไหร่ และเมื่อถึงเวลานั้นประเทศไทยก็อาจไม่เหลือที่ยืนให้คุณและพวกพ้องของคุณแล้วก็ได้! ด้วยความปรารถนาดีจาก…คนรักประเทศชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 29 มีนาคม 2562″

 

ที่มา Ratiya Nagvajara