ฮือฮาอีกครั้ง! หลังศาลอาญาพิพากษา จำคุกผู้บริหาร บริษัท ไร่ส้ม จำกัด คือนางสาวอังคนา วัฒนมงคลศิลป์ และนางสาวสุกัญญา แซ่ลิ่ม ในฐานะกรรมการผู้จัดการ , นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าว และกรรมการผู้จัดการ และ น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่ ถึง 20 ปี แต่ลดเหลือ 13 ปี 4 เดือน
ข้อหาร่วมกันเป็นจำเลย กระทำผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว กรณียักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการ ‘คุยคุ้ยข่าว’ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อสมท. กว่า 138 ล้านบาท
ส่วนนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด (นางชนาภา บุญโต) อดีตเจ้าหน้าที่สำนักกลยุทธ์การตลาด อสมท. ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก 30 ปี ลดเหลือ 20 ปี เนื่องจากใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา จากบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ระหว่างวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 – 28 เมษายน 2549 ทำให้ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เสียหายกว่า 138 ล้านบาท และนางพิชชาภายังได้เรียกรับเอาเงิน 658,996 บาท จากจำเลยอื่นๆ เพื่อเป็นการตอบแทน
แต่เรื่องยังไม่จบ! เพราะคดีนี้ยังเหลือลู่ทางให้ต่อสู้กัน อีก 2 ชั้น คือ ศาลอุทรณ์ และ ศาลฎีกา หลังสิ้นคำพิพากษาศาลอาญา นายสรยุทธกับพวก จึงไม่รีรอที่จะยื่นประกันตัว เพื่อต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ทันที
หากย้อนเรื่องราว คดีมีที่มายาวนานกว่า 10 ปี!
นับตั้งแต่นายสรยุทธ จัดตั้งบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยมีนายสรยุทธ เป็นกรรมการผู้จัดการ มี น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ้ม เป็นกรรมการบริษัท ได้ทำสัญญาผลิตรายการกับบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ระหว่างวันที่ 1 ก.พ. 2548 ถึงวันที่ 15 ก.ค. 2549 ร่วมกันผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.00-13.00 น.
โดย อสมท. ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้บริษัท ไร่ส้มฯ ได้ครั้งละ 5 นาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด บริษัท ไร่ส้มฯ จะต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ อสมท. ในอัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท และร่วมผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ทุกคืนวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 21.30-22.00 น. โดย อสมท. ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้บริษัท ไร่ส้มฯ ได้ครั้งละ 2 นาที 30 วินาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด บริษัท ไร่ส้มฯ ต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ อสมท. ในอัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 2.4 แสนบาท
แต่เรื่องนี้กลับผิดสังเกตการณ์ เมื่อรักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด 1 สั่งตรวจสอบด่วนหลังพบว่า รายการข่าวเที่ยงคืน ออกอากาศล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนด ช่วงดือน ก.ค. 2549
“โดยนางพิชชาภาได้รับสารภาพต่อหน้าทุกคนว่า บริษัท ไร่ส้มฯ มีการโฆษณาเกินเวลา และไม่มีการรายงานเพื่อเรียกเก็บเงินจริง และนางพิชชาภาได้ใช้น้ำยาลบคำผิดเฉพาะคิวโฆษณาเกินเวลาในส่วนของบริษัท ไร่ส้มฯ ในใบคิวโฆษณารวมของ อสมท. เพื่อปกปิดความผิดที่ได้กระทำขึ้นตามคำแนะนำของนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงานของบริษัท ไร่ส้มฯ ก่อนที่จะเกิดการตรวจสอบเรื่องนี้ขึ้น”
สอดรับข้อมูลก่อนหน้านี้ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2555 ว่าการกระทำของนางพิชชาภา มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามมาตรา 6, 8, 11 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 การกระทำของนางอัญญา อู่ไทย ซึ่งเป็นหนัวหน้างานและเป็นผู้บังคับบัญชาในฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า สำนักกลยุทธการตลาด อสมท. มีมูลความผิดทางวินัย
การกระทำของนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา ซึ่งได้ใช้ให้นางพิชชาภา ไม่ต้องรายงานการโฆษณาเกินเวลาที่กำหนดในสัญญา ให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ และบริษัท ไร่ส้มฯ (ในฐานะนิติบุคคล) มีมูลความผิดฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดตามมาตรา 6, 8, 11 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
กลับกันนายสรยุทธ ก็ได้ยื่นฟ้องบริษัท อสมท. ต่อศาลปกครองด้วย เพื่อให้ชำระเงินค่าโฆษณาเกินส่วนแบ่งเวลาตามที่ตกลงกันไว้ในสัดส่วน 50/50 และไม่ให้ส่วนลดทางการค้า 30% ตามข้อสัญญา รวมเป็นเงินกว่า 55 ล้านบาท
แต่…เมื่อกลางเดือน ก.ค. 2558 ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้ว่า บริษัท อสมทฯ ไม่ต้องจ่ายเงินค่าโฆษณา 55 ล้านบาท คืนให้กับบริษัท ไร่ส้มฯ เหตุไม่มีการทำผิดเงื่อนไขใด
จากนั้นในช่วง ม.ค. 2558 ในฐานะจำเลยคดีดังกล่าว นายสรยุทธได้ประกันตัวออกมา เพื่อต่อสู้คดี พร้อมคำยืนยันว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับ อสมท.ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย และท้าพิสูจน์ความจริงในชั้นศาล
และทั้ง 2 ฝ่าย ได้ต่อสู้ทางกฎหมายในชั้นศาลอาญาอย่างต่อเนื่องภายใต้พยานที่สำคัญ ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักหนึ่งในกรมสรรพากร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่สำนักกฎหมายแห่งหนึ่ง รองประธานผู้อำนวยการ บริษัท อสมทฯ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีบริษัท อสมทฯ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ด้านโฆษณา บริษัท อสมทฯ นักธุรกิจอาวุโส และคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.
จนสู่บทสรุปคำพิพากษาศาลชั้นต้นครั้งนี้ และแม้ศาลให้จะประกัน นายสรยุทธกับพรรคพวกคนละ 2ล้าน สั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศและรายงานตัวทุก30วัน
แต่…จากนี้ต้องจับตาว่า ทิศทางกระแสกดดันทางสังคมจะเกิดขึ้นกับ นายสรยุทธ หรือไม่ และมากน้อยเพียงไร เพราะทาง นายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิและเสรีภาพและโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกมาระบุว่า
”ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ นายสรยุทธ ควรทบทวนถึงความเหมาะสมในบทบาทหน้าจอโทรทัศน์ในฐานะสื่อสารมวลชน”
ขอบคุณข้อมูลประกอบ >>> isranews
ติดตามรายงานพิเศษอื่นๆที่น่าสนใจ ได้ที่ news.mthai.com