ผ่านพ้นช่วงหยุดยาวมาแล้ว เชื่อว่าแฟนข่าวหลายท่านอาจจะได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือกลับภูมิลำเนาเดิมกันมาบ้าง
สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้หลังจากช่วงพักร้อนคือ บนโต๊ะทำงานจะมีของฝากจากต่างถิ่นมาตั้งอยู่บนโต๊ะเป็นกระบุงกุงโกย ฉันเองก็เหมือนกัน ที่วันหยุดยาว เลือกจะเดินทางไปเที่ยวแพที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งแน่นอน สองข้างทางเต็มไปด้วย ‘ฟาร์มเมล่อน’ ผลไม่ยอดนิยมที่ก่อนหน้านี้ มีราคาสูง ทำให้เกษตรกรแห่แหนกันมาปลูก หวังรายได้งามจากผลผลิต
หลังจากเสร็จสิ้นทริปที่ดูเหมือนจะดีและราบรื่น ขณะที่เราเดินทางกลับ ก็หวังใจว่าจะซื้อเมล่อนสัก 4-5 ลูกเป็นของฝากให้ครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน ขากลับนั้นมีร้านขายเมล่อนเรียงรายให้เลือก ซึ่งเราแวะจอดที่ร้านที่มีเมล่อนสวยงามลูกใหญ่ตั้งโชว์หน้าร้าน พลางเปิดกระจกรถและถามว่า
‘ขายลูกละเท่าไร’ ย้ำนะคะว่า ลูกละเท่าไร แม่ค้าจึงหันมาตอบว่า 70 บาท เราถามต่อหากซื้อเยอะลดได้ไหม แม่ค้าตอบ ได้ 65 บาท เราก็โอเค ลูกใหญ่ขนาดนี้ 65 บาทก็ถือว่าไม่แพง เลยเดินทั่วร้านเลือกเมล่อนลูกโตจนกว่าจะพอใจ…. ได้มาทั้งสิ้น 4 ลูก มากองไว้ที่โต๊ะให้คนขายคิดเงิน (ซึ่งจุดนั้นเอง แม่ค้ายังพูดเลยว่า 65 บาทเท่ากันทุกลูกทั้งร้าน)
หลังจากนั้น แม่ค้านำเมล่อน ‘ขึ้นตาชั่ง’ ทำให้ถึงกับงงว่า หากคิดราคาเป็นลูก จะต้องเอาขึ้นตาชั่ง ชั่งกิโลทำไม ? เลยรีบถามว่าตกลงขายเป็นกิโลหรอคะ ? แม่ค้าตอบว่าใช่ พลางขยับปากบอกว่านี่เป็นเมล่อนเกรดเอ ไม่ใช่เกรดซีที่ขายกันเป็นลูก…
ตอนนั้นหน้าชาเลยคะ พร้อมกับฉากที่แม่ค้ากดเครื่องคิดเลขคำนวณราคา ทั้งหมด 565 บาท คะ ย้ำว่าจากราคาที่เราต้องจ่ายแค่ 260 บาท เหมือนโดนหลอกคะ ทั้งที่จริงก็ย้ำก่อนลงจากรถตัดสินใจซื้อแล้วว่า ขายลูกละเท่าไร ? สุดท้ายต้องจ่ายในราคาพอ ๆ กับซื้อที่กรุงเทพเลย
ที่พูดมาถึงตรงนี้ไม่ได้ต้องการให้นักท่องเที่ยวทุกคนเลิกซื้อ หรือ เหมารวมว่า ร้านค้าทุกร้านแถวข้างทางจะเป็นเหมือนกันหมด ไม่ว่าแม่ค้าจะใช้วิธีเช่นนี้เป็น ‘กุศโลบาย’ ในการขายของหรืออย่างไร แต่ทว่าในวันเดียวกันเราได้แวะจอดร้านขายเมล่อนอีกร้าน และร้านนี้ ให้ข้อมูลเป็นอย่างดีว่าเมล่อนแบบไหน ราคาเท่าไร และสินค้าในร้านขายอย่างไรแบบชัดเจน และซื่อตรง ซึ่งทำให้เราประทับใจมาก หรือบางคนที่เจอกรณีเดียวกันแล้วเลิกซื้อของฝากข้างทางไปเลย เท่ากับเป็นการตัดโอกาสในการทำมาหากินของชาวบ้านคนอื่น ๆ เหมือน ‘ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นไปทั้งเข่ง’ ดังนั้นวันนี้ทีมข่าว MThai จึงขอนำเสนอวิธีการเลือกซื้อสินค้าข้างทางด้วยวิธีที่ยุติธรรมต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย สบายใจ สบายกระเป๋าดังนี้
1.จอดถามราคาให้ชัดเจนก่อนลงจากรถ เพื่อตัดสินใจซื้อ เพราะนอกจากเราจะได้เห็นสินค้าอย่างชัด ๆ แล้ว เรายังสามารถนำราคามาประกอบการตัดสินใจได้อีกทาง
2.หากเป็นสินค้าจำพวกของกิน ส่วนใหญ่ทางร้านจะมีของให้ลองชิม ในกรณีที่มีสินค้าหลายประเภทอย่างเมล่อน ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ ก็สามารถเลือกชนิด และรสชาติที่ต้องการได้
3.ในขั้นตอนการคิดราคา หากราคาและเงื่อนไขที่ซื้อไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ในตอนแรก สามารถปฏิเสธไม่ซื้อได้ ต้องมีสติคะ อย่าจอมจ่ายในราคาที่แม้จะสมเหตุสมผล แต่ไม่เป็นไปตามตกลง เพราะไทยไม่ใช่เกาหลี ที่เข้าไปเลือกแล้วจะไม่มีสิทธิ์ไม่ซื้อ !!
นอกจากนี้แล้ว ตามกฎหมายยังได้กำหนดสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคจะได้รับ โดยกฎหมายกำหนดไว้ 5 ประการคือ
1. สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
2. สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ
3. สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ
4. สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย
5. สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย
MThai News
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้
1.อดีตคุณครูหันปลูก ‘เมล่อน’ สร้างรายได้ต่อเดือนร่วม 5 หมื่น
2.โกยเป็นล้าน! พลิกนาข้าวปลูก ‘เมลอน’ สร้างรายได้ทะลุ 7 หลัก