หนุ่มติดปล่องร้อยท่อระบายน้ำ ก่อนเสียชีวิต เร่งหาสาเหตุ

เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิปอเต็กตึ๊ง ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีผู้ติดอยู่ภายในปล่องร้อยท่อระบายน้ำ ภายในแฟลตตำรวจที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ข้างสถานีตำรวจนครบาลบางบอน จึงนำกำลังพร้อมอุปกรณ์ไปยังจุดเกิดเหตุ เป็นแฟลตสูง 5 ชั้น  อยู่ระหว่างการก่อสร้าง  ภายในห้องพักชั้น 2 ด้านหลัง พบชายอายุประมาณ 40 ปี ติดอยู่ภายในช่องซึ่งเป็นปล่องท่อระบายน้ำและท่อประปามีขนาดประมาณ 50 เซนติเมตร ซึ่งมีขนาดเล็ก และไม่น่าจะมีคนเข้าไปในช่องดังกล่าวได้ เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิฯ พยายามที่จะนำตัวชายคนดังกล่าวออกมา…

Home / NEWS / หนุ่มติดปล่องร้อยท่อระบายน้ำ ก่อนเสียชีวิต เร่งหาสาเหตุ

เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิปอเต็กตึ๊ง ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีผู้ติดอยู่ภายในปล่องร้อยท่อระบายน้ำ ภายในแฟลตตำรวจที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ข้างสถานีตำรวจนครบาลบางบอน จึงนำกำลังพร้อมอุปกรณ์ไปยังจุดเกิดเหตุ เป็นแฟลตสูง 5 ชั้น  อยู่ระหว่างการก่อสร้าง  ภายในห้องพักชั้น 2 ด้านหลัง พบชายอายุประมาณ 40 ปี ติดอยู่ภายในช่องซึ่งเป็นปล่องท่อระบายน้ำและท่อประปามีขนาดประมาณ 50 เซนติเมตร ซึ่งมีขนาดเล็ก และไม่น่าจะมีคนเข้าไปในช่องดังกล่าวได้

เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิฯ พยายามที่จะนำตัวชายคนดังกล่าวออกมา แต่การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะปล่องมีขนาดเล็กจึงตัดสินใจทุบปล่องปูน ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จนสามารถนำตัวออกมาได้ แต่ชายคนดังกล่าวได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ทราบชื่อภายหลังคือ นายหาด ฤกษ์ชัย อายุ 41 ปี หลังนำร่างออกมาได้ ญาติผู้เสียชีวิตได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ พร้อมเปิดเผย ว่าผู้เสียชีวิต ทำงานเป็นช่างซ่อมเฟอร์นิเจอร์ ก่อนเกิดเหตุได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ให้มารับตัว เพราะอยู่ในอาการเมาสุราอาละวาด โดยพี่ชายเป็นโรคลมชักและมีอาการหลอน บางครั้งพูดจาไม่รู้เรื่อง ซึ่งไม่รู้ว่าพี่ชายมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร

ส่วนผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือ นายหาด เป็นคนแรก ระบุว่า ได้ยินเสียงเรียกมาจากภายอาคารที่กำลังก่อสร้าง และมีร่องรอยสังกะสีเปิดอยู่ จึงชวนน้องชายเดินขึ้นไปดู เพื่อตามหาต้นเสียง จนมาพบว่ามีคนติดอยู่ในปล่องขนาดเล็ก และได้พยายามช่วยเหลือเพื่อนำตัวออกมาจากปล่องดังกล่าว แต่ก็ไม่สำเร็จ จึงประสานเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ

เบื้องต้น ตำรวจ สน.บางบอน จะเร่งสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนนำตัวส่งสถาบันนิติเวชศิริราช เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

 

ที่มา Policenews