กรมราชทัณฑ์ ข่าวสดวันนี้ นักฟุตบอลบาห์เรน ฮาคิม อัล อาไรบี

กรมราชทัณฑ์ ชี้แจง ‘ฮาคิม’ แค่ใส่กุญแจเท้า ปัดถูกตีตรวน

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผย ฮาคิม ใส่กุญแจข้อเท้า ไม่ใช่ถูกตีตรวน ขณะนำตัวขึ้นศาล ชี้เป็นผู้ต้องขังถูกจำกัดอิสรภาพ ปล่อยให้เดินลอยชายตามใจไม่ได้ วันนี้ (5 ก.พ.2562) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่สื่อมวลชนเผยแพร่ภาพและข่าวให้เข้าใจว่า…

Home / NEWS / กรมราชทัณฑ์ ชี้แจง ‘ฮาคิม’ แค่ใส่กุญแจเท้า ปัดถูกตีตรวน

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผย ฮาคิม ใส่กุญแจข้อเท้า ไม่ใช่ถูกตีตรวน ขณะนำตัวขึ้นศาล ชี้เป็นผู้ต้องขังถูกจำกัดอิสรภาพ ปล่อยให้เดินลอยชายตามใจไม่ได้

วันนี้ (5 ก.พ.2562) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่สื่อมวลชนเผยแพร่ภาพและข่าวให้เข้าใจว่า นายฮาคิม อัล – อาไรบี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ถูกใส่ตรวนขณะไปขึ้นศาลเพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ว่า กรณีดังกล่าว เป็นกุญแจเท้าไม่ใช่ตรวนอย่างที่เข้าใจกัน

ซึ่งเป็นระเบียนขั้นตอนปกติที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สามารถกระทำได้ตามพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 มาตรา 21 ข้อ (4) ความว่า “เมื่อผู้ต้องขังถูกคุมตัวไปนอกเรือนจำและเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีหน้าที่ควบคุมเห็นเป็นการสมควรที่จะต้องใช้เครื่องพันธนาการ”

กุญแจเท้า

ซึ่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่เรือนจำในการพิจารณาใส่เครื่องพันธนาการเป็นเรื่องที่ผู้ควบคุม เห็นแล้วว่าผู้ต้องขังรายนี้เป็นที่สนใจของสังคม และมีความเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่จึงพิจารณาเห็นสมควรใส่กุญแจข้อเท้า ซึ่งเป็นพันธนาการอย่างหนึ่งตามกฎหมาย

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า งานราชทัณฑ์เป็นงานสุ่มเสี่ยงที่จะถูกมองว่า เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งใคร่ขอชี้แจงต่อสังคมว่า เรามีหน้าที่ควบคุมและเคลื่อนย้ายนักโทษ และผู้ต้องขังที่ถูกจำกัดอิสรภาพ หรือถูกคุมขังไว้ตามอำนาจศาล หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปอย่างราบรื่นเรียบร้อย มิให้มีการแหกหักหลบหนี จะปล่อยให้เดินลอยชายตามใจคงไม่สามารถทำได้

เนื่องจากหากผู้ต้องขังหลบหนีระหว่างการควบคุมก็จะเป็นภัยต่อสังคม และเจ้าหน้าที่ก็จะถูกตั้งกรรมการสอบ ข้อหาละเว้น หรือละเลย ดังนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยพิจารณาจากกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนเพิ่มมากขึ้นอยู่แล้ว