พรรคประชาธิปัตย์ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย เลือกตั้ง62

สาทิตย์ ลั่น “กรรมใดใครก่อ” ต้องรับผิดชอบใน สิ่งที่ตัวเองทำ

สาทิตย์ ลั่น “กรรมใดใครก่อ” ต้องรับผิดชอบใน สิ่งที่ตัวเองทำ พร้อมฝากนักการเมือง แกนนำ ผู้สนับสนุน กองเชียร์ ควรจะมีสติก้าวข้ามความขัดแย้งให้ยึดเอาชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้งและคิดถึงประชาชนเป็นหลัก วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 นายสาทิตย์…

Home / NEWS / สาทิตย์ ลั่น “กรรมใดใครก่อ” ต้องรับผิดชอบใน สิ่งที่ตัวเองทำ

สาทิตย์ ลั่น “กรรมใดใครก่อ” ต้องรับผิดชอบใน สิ่งที่ตัวเองทำ พร้อมฝากนักการเมือง แกนนำ ผู้สนับสนุน กองเชียร์ ควรจะมีสติก้าวข้ามความขัดแย้งให้ยึดเอาชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้งและคิดถึงประชาชนเป็นหลัก

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ว่า ทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของพรรคการเมือง เพราะความเป็นพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องของการแข่งขันเอาชนะเท่านั้น

แต่พรรคการเมืองจะต้องรู้การณ์ที่ควรหรือการณ์ที่ไม่ควร เพราะพรรคการเมืองจะต้องมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ทั้งในกรณีที่ตัวเองรับสมัครเลือกตั้งไปแล้วและได้เสียงข้างมากก็ดี หรือแม้ไปเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ดี ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เพราะฉะนั้นความเป็นพรรคการเมืองจึงจะต้องมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองต่อบ้านเมืองด้วย

เรื่องที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าบางครั้งพรรคการเมืองไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบถ่องแท้ ไม่ได้พิจารณาในรัฐธรรมนูญหรือผลกระทบในด้านลบต่อโครงสร้างของสังคม จึงคิดว่าเป็นประสบการณ์สำคัญยิ่งสำหรับพัฒนาการทางด้านการเมืองของประเทศไทย ที่พรรคการเมืองทุกพรรคจำเป็นจะต้องเรียนรู้เอาไว้

แต่เรื่องนี้ต้องใช้คำว่า “กรรมใดใครก่อ” เพราะฉะนั้นใครทำอะไรลงไปก็ต้องรับผิดชอบใน สิ่งที่ตัวเองทำ แต่สิ่งที่ตนเองกังวลก็คือ การจุดประเด็นในเรื่องนี้ก็ทำให้เกิดเงื่อนไขของความขัดแย้งในรอบใหม่เกิดขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดจากกระแสโซเซียลมีเดียในช่วงเมื่อวานที่ผ่านมา (8 ก.พ.)

ซึ่งความจริง 4-5 ปีที่ผ่านมา เรื่องทั้งหมดก็สงบลงไปเยอะแล้ว และหลายคนก็พยายามทำใจให้ลืมเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีต แต่เมื่อมีการจุดประเด็นเหล่านี้ขึ้นมา ก็เสมือนเป็นการจุดกระแสของความขัดแย้งในรอบใหม่ขึ้นมา ซึ่งถือว่าเป็นบุญของประเทศไทยของคนไทยที่เรื่องจบลงโดยเร็ว

แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็คงจะต้องมีคนที่เกี่ยวข้องที่จะต้องรับผิดชอบ เช่น กกต. หรือหน่วยงานอื่นก็ดีก็จะต้องว่ากันไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ส่วนตัวจะไม่เรียกร้องความรับผิดชอบใดๆไปยังพรรคไทยรักษาชาติ แต่ในฐานะคนไทยคนหนึ่งเราก็อยากเห็นคนที่เกี่ยวข้องในส่วนของพรรคการเมืองก็ต้องแสดงความรับผิดชอบในการกระทำของตัวเองด้วย ซึ่งก็จะคอยดูต่อไป

แต่ส่วนตัวรู้สึกกังวลว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เสมือนกับว่ามีการคบคิดกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว อาจจะเกี่ยวโยงกับบุคคลซึ่งมีส่วนที่สร้างความขัดแย้งให้กับประเทศตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมา ส่วนในทางสังคมตนเองคิดว่า เหมือนโบราณเคยสอนว่า บางเรื่องต้องใจเย็นสงบ และตรึกตรองให้ลึกและเก็บอารมณ์ความรู้สึก เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งนี้ไปให้ได้

ซึ่งถือเป็นประสบการณ์สำคัญจะเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ออกมาพูดในเรื่องนี้เลยตั้งแต่ต้น เพราะเรารู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งที่อ่อนไหวและเปราะบาง ไม่อยากให้สังคมไทยกลับไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงอย่างเช่น 10 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปแต่คนที่เกี่ยวข้องก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทำไว้ตามกฎหมาย และต่อสังคมต่อไป

ส่วนจะต้องถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบต้องเป็นเรื่องของกกต. แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าดีใจที่เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว กระบวนการประชาธิปไตยก็จะได้เดินต่อไปโดยไม่สะดุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งต่อผลคะแนนนิยมให้พรรคประชาธิปัตย์เพิ่มขึ้นหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้คิดตรงนั้น แต่คิดว่าในส่วนของนักการเมืองก็ไม่ควรที่จะมีใครหยิบฉวยเรื่องนี้ไปเป็นประโยชน์ทางการเมืองด้วย การแข่งขันทางการเมืองก็ให้เป็นเรื่องของนโยบายและตัวบุคคลไป

ทั้งนี้ ฝ่ายการเมือง แกนนำ ผู้สนับสนุน กองเชียร์ ควรจะมีสติในเรื่องนี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งขึ้นอีกในอนาคต โดยต้องเอาชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง คิดถึงประชาชน คิดโครงสร้างของสังคม สิ่งยึดเหนี่ยวในชาติ

อย่างไรก็ตาม ในคืนนี้ (9 ก.พ.) พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งแรกระดับภาคใต้ หน้าที่ว่าการอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อประกาศวิสัยทัศน์การพัฒนาภาคใต้ต่อประชาชนชาวภาคใต้ คาดว่าจะมีคนไปร่วมรับฟังประมาณ 10,000 คน