นายกฯ สั่งล่ามือดี ปล่อยภาพคำสั่งเด้งผู้บัญชาการเหล่าทัพ ด้าน โฆษก คสช. วอนอย่าส่งต่อ ขณะที่ ปอท. รับแจ้งเรื่องพน้อมเร่งหาคนผิดแล้ว ลั่นคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีที่ปรากฏภาพ การเผยแพร่คำสั่งคสช. ฉบับที่ 2/25662 ให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก
พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ พ้นจากตำแหน่ง โดยให้มาดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษ ประจำทำเนียบรัฐบาล ว่า กำลังสั่งให้ตรวจสอบอยู่ พร้อมทั้งยืนยันว่า เป็นข่าวลือและข่าวปลอม ซึ่งจะต้องนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. ได้เผยว่า จากกรณีดังกล่าวข้างตน ขอเรียนให้ทราบว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมที่ถูกจัดทำขึ้นทั้งฉบับ เป็นการสร้างเรื่องเท็จ มุ่งประสงค์ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด อาจหวังให้สังคมเกิดความวุ่นวาย
ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบที่มาของการเผยแพร่ เพื่อใช้มาตราการทางกฎหมายดำเนินการ จึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนและประชาชนหลีกเลี่ยงการส่งต่อเรื่องอันเป็นเท็จดังกล่าว เพราะอาจเข้าข่ายความผิดในทางกฎหมายได้
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันอาจมีกลุ่มไม่หวังดีกำลังมีความพยายามสร้างความวุ่นวายทางข้อมูลข่าวสาร ในลักษณะสร้างเรื่องเท็จ บิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิดทั้งในตัวบุคคลหรือองค์กรก็ตาม ไปนำเสนอเผยแพร่ผ่านทางโซเชียลมีเดีย
ซึ่งอาจมีข้อสังเกตได้ว่า อาจจะเป็นการกระทำในลักษณะที่เป็นกระบวนการ หวังให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมีนัย โดยเฉพาะกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศในห้วงเวลาสำคัญนี้ด้วย
จึงขอความร่วมมือ เนื่องด้วยช่วงนี้สังคมมีความอ่อนไหวต่อทุกข้อมูลข่าวสาร การจะนำเสนอข้อมูลใดๆ ควรจะอยู่ในกรอบกติกาอย่างเหมาะสม และเชื่อว่าในช่วงนี้สังคมจะได้ใช้วิจารณญาณที่ดีในการบริโภคข่าวสารมากขึ้น รวมถึงสามารถรู้เท่าทันต่อวิธีการต่างๆ ของผู้ที่ไม่หวังดีต่อสังคมและประเทศชาติ
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.กก.3 บก.ปอท. ในฐานะโฆษก บก.ปอท. ได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าว ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา น.ส.สาวิตรี ชำนาญกิจ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(ครม.) ตัวแทนจาก สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือ สลค. ได้เดินทางมาแจ้งเรื่องเอาผิดผู้เผยแพร่ข่าวปลอมดังกล่าวแล้ว ซึ่งทาง ปอท. ก็ได้รับแจ้งความไว้แล้ว
หลังจากนี้จะให้ฝ่ายสืบสวน บก.ปอท.หาตัวผู้กระทำผิดมาดำคดี เบื้องต้นอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2) “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ” โทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ