ข่าวสดวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกตั้ง62 แคนดิเดตนายก

“บิ๊กตู่”ลั่นไม่กดดันหลังถูกเสนอชื่อ ‘แคนดิเดตนายกฯ’

“บิ๊กตู่”ลั่นไม่รู้สึกกดดันหลังถูกเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ชี้ยังระมัดระวังตัวมากที่สุด โยนเป็นเรื่องพปชร.ขึ้นรูปหาเสียง ยันเดินหน้าจัดรายการคืนความสุขต่อ แจงพูดถึงงานรบ.ปัดหาเสียง ฝากปชช.อย่าฟังคนพูดเก่งในเวทีดีเบต วันนี้ ( 12 ก.พ. 2562) ที่ ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา…

Home / NEWS / “บิ๊กตู่”ลั่นไม่กดดันหลังถูกเสนอชื่อ ‘แคนดิเดตนายกฯ’

“บิ๊กตู่”ลั่นไม่รู้สึกกดดันหลังถูกเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ชี้ยังระมัดระวังตัวมากที่สุด โยนเป็นเรื่องพปชร.ขึ้นรูปหาเสียง ยันเดินหน้าจัดรายการคืนความสุขต่อ แจงพูดถึงงานรบ.ปัดหาเสียง ฝากปชช.อย่าฟังคนพูดเก่งในเวทีดีเบต

วันนี้ ( 12 ก.พ. 2562) ที่ ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีที่ถูกเสนอรายชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯบัญชีรายชื่อว่ารู้สึกกดดันหรือไม่นั้น ว่า ตนไม่รู้สึกกดดัน เพราะทุกวันทำงานเต็มที่อยู่แล้ว ในฐานะนายกฯและหัวหน้าคสช. ส่วนเรื่องของการเมืองให้พรรคการเมืองดำเนินการไป ส่วนหลังเกิดเหตุการณ์วันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา บุคคลที่เกี่ยวข้องควรออกมารับผิดชอบหรือไม่นั้น ตนไม่มีความคิดเห็นเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ

สำหรับการวางตัวและบทบาทในตำแหน่งนายกฯหลังจากนี้นั้น ตนจะระมัดระวังให้มากที่สุด โดยจะปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎเกณพ์และกฎหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แต่กิจกรรมที่เป็นเรื่องสำคัญของประเทศและเกี่ยวข้องกับรัฐบาลละนายกฯต้องขับเคลื่อนและดำเนินการต่อไป จึงขออย่านำเป็นประเด็นการเมือง ซึ่งเรื่องการเมืองป็นเรื่องของอนาคต รวมถึงการเลือกตั้งที่เป็นเรื่องของอนาตเช่นเดียวกันว่าจะกำหนดบทบาทของประเทศอย่างไร ดังนั้นประชาชนต้องเรียนรู้ด้วย

โดยพลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร. ชูชื่อตนเองในการหาเสียงหลังจากตอบรับเป็นบัญชีนายกฯแล้วว่า เป็นเรื่องของพรรคดำเนินการ ส่วนที่มีชาวบ้านสอบถามว่ามีโอกาสได้เจอกับตนหรือไม่นั้น ทุกวันนี้ก็พบตนอยู่แล้ว เพราะมาทำงานทุกวันไม่เคยหยุดราชการ อยู่บ้านก็ทำงาน จึงขออย่านำทุกอย่างมาเป็นประเด็น และยังมีโอกาสพบประชาชนในหลายโอกาสที่สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งตนได้หารือกับกกต.มาโดยตลอด ส่วนการร่วมดีเบตกับนักการเมืองในเวทีต่างๆนั้น เป็นเรื่องของพรรคการเมือง และตนต้องพิจารณาว่ากฎหมายสามารถทำได้หรือไม่ได้ และควรหรือไม่ควร

“อยากฝากข้อคิดว่าการดีเบตและพูดอะไรก็ตามขออย่าเชื่อหรือฟังคนที่พูดเก่งอย่างเดียว แต่ปฏิบัติไม่ได้ในหลายอย่าง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายงบประมาณ รวมถึงวิธีการทำงานก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะมีสภามีกฎหมายใหม่ และพ.ร.บ.การเงินการคลัง ดังนั้นการให้โน้นนี่และให้ตัวเลขมันไม่ได้ และภาษีเป็นของคนทุกฝ่ายในประเทศ จึงขอให้มองผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่ ตนไม่ได้เข้าข้างใครแค่นั้น”พลเอกประยุทธ์ กล่าว

พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีการมองถึงความเหมาะสมในการจัดรายการคืนความสุขที่มองว่าได้เปรียบคนอื่นว่า วันนี้เนื้อหารายการเป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน และไม่ได้เป็นการพูดถึงเรื่องการเมืองและหาเสียงให้ใครเลย เพราะจำเป็นที่ต้องให้ประชาชนเรียนรู้ว่าปัญหาต่างๆว่าแก้ไขอย่างไร จะเห็นได้ว่าการแก้ไขปัญหาบางเรื่องใช้ปัญหา 4 ปี และไม่ได้แก้ไขปัญหาด้วยคำพูด จึงอยากให้เข้าใจตรงนี้ด้วย

พลเอกประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องใดที่จบไปแล้วก็จบไป และอย่าให้มีปัญหาต่อไป เพราะจะมีคนที่โพสต์อยู่ในโซเชียลจำนวนมาก จึงต้องลดความขัดแย้งให้มากที่สุด ในสิ่งที่ไม่ใช้ประเด็นและวาระสำคัญ ขณะเดียวกันขอขอบคุณสื่อมวลทุกสำนัก และขอให้มีการปรับตัว เพราะตนเองก็ปรับตัว ดังนั้นพรรคการเมืองและนักการเมืองทุกพรรคก็ต้องปรับตัว ไม่ได้หายความว่าใครทำดีทำเลว แต่ทุกคนต้องปรับตัวเพื่อให่ประเทศเดินไปข้างหน้า เพื่อความมั่งคง มั้งคั่ง และยั่งยืน ต้องขอร้องทุกคนถือว่านายกฯขอร้องคนทั้งประเทศ ไม่ว่าใครก็ตาม แม้นการเลือกตั้งทั้งหมดต้องมุ่งประเด็นว่าประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ปลอดภัยหรือไม่ และประชาชนมีความสุขหรือไม่

ส่วนกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักษาชาติ หรือ ทษช. ยื่นกกต.สอบคุณสมบัติ โดยพลเอกประยุทธ์ ได้ส่ายหัว ก่อนกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่มีสาระ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีการปล่อยข่าวลือข่าวลวงจำนวนมากในช่วงสถานการณ์ขณะนี้ว่า ขอให้ทุกคนช่วยติดตาม ตนไม่อยากไปเกี่วข้องมากนัก แต่จะดูแลในเรื่องของกฎหมาย และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยขอร้องให้ทุกฝ่ายอย่าหลงเชื่อทันที แต่ต้องคิดถึงความถูกต้องประเทศชาติให้มาก และต้องมีสติในการรับรู้ข่าวสาร ทั้งนี้ การบิดเบือนจะทำให้ประเทศเสียหาย ดังนั้นอย่าเผยแพร่ข่าวลือ แต่ควรเผยแพร่ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ ว่าวันนี้มีการแก้ไขไปอย่างไรแล้ว เพื่อให้ประชาชนมีหลักคิดที่ถูกต้องและมีเหตุผลในการเลือกตั้ง มากกว่าการเลือกตั้งแบบเดิมๆ ด้วยความใกล้ชิดและความสัมพันธ์ส่วนตัว จึงต้องทำให้ได้ส.ส.และรัฐบาลที่ดีมีธรรมภิบาลเข้ามา

ขอเชิญชวนทุกคนวันบุญทำกุศล ซึ่งมีอยู่ 3 การปฏิบัติง่าย ได้แก่ การทำบความดี ละเว้นความชั่ว และทำใจให้บริสุทธิ์ โดยตนกำลังทำ 3 อย่างนี้อยู่ จึงขอชักชวนทุกคนช่วยกันด้วย