พปชร. ลุยหาเสียงราชวัตร-ศรีย่าน เผย ประชาชนตอบรับดีฝากกำลังใจให้ “บิ๊กตู่” ยัน ไม่เคยมองปมปัญหา ทษช. เป็นความได้เปรียบ
ที่ตลาดราชวัตร นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนางสาววทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ช่วยนางสาวธนิกานต์ พรพงษาโรจน์ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตบางซื่อ-ดุสิต เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ หาเสียงย่านตลาดราชวัตร
โดยได้มีการแนะนำตัวพร้อมเสนอนโยบายพัฒนาพื้นที่ต่อพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของ ภายใต้สโลแกน #ธนิกานต์เข้าถึงพึ่งได้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนตลอดจนพ่อค้าแม่ค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี จากนั้นผู้สมัคร ส.ส.และทีมงาน ขึ้นรถเมล์ร้อนสาย 14 จากตลาดราชวัตรมายังตลาดศรีย่าน เดินพบปะพ่อค้าแม่ค้า ประชาชน และปิดท้ายด้วยการลงพื้นที่หาเสียงที่ชุมชนสีคาม
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตลาดราชวัตรและตลาดศีย่าน ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี แม้พรรคเราจะเป็นพรรคใหม่ แต่ผู้สมัคร ส.ส.ก็ลงพื้นที่อย่างเข้มแข็ง เพื่อจะอาสามารับใช้พี่น้องประชาชน นอกจากนี้บางส่วนยังฝากกำลังใจถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคนอยากเห็นประเทศสงบ
อย่างไรก็ตามในเวลาที่เหลือพรรคจะเร่งทำงานให้หนักขึ้น เดินตรอกซอกซอยเพื่อนำเสนอนโยบายและแลกเปลี่ยนความเห็นกับประชาชน ซึ่งได้สะท้อนมาหลายเรื่องแล้วทั้งเศรษฐกิจสังคม ทั้งนี้ยอมรับในพื้นที่บางซื่อ-ดุสิต เป็นพื้นที่ฐานเสียงเดิมของสองพรรคใหญ่
แต่เชื่อว่าวันนี้คนกทม.ต้องการเปลี่ยนแปลง ก้าวไปข้างหน้า และก้าวข้ามความขัดแย้ง พรรคพลังประชารัฐจึงได้คัดสรรผู้สมัคร ส.ส.ที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นคนรุ่นใหม่ ที่พรรคตั้งใจเสนอเป็นทางเลือกให้คนกทม.รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
นายพุทธิพงษ์ ยืนยันว่า ไม่เคยมองการที่พรรคไทยรักษาชาติเกิดปัญหาเป็นความได้เปรียบของพรรคพลังประชารัฐ เราไม่ซ้ำเติม หรือโจมตีคู่แข่ง แต่ตั้งใจทำงานในส่วนของเรา เพราะถึงเวลาที่จะต้องเลิกทำการเมืองแบบใส่ร้าย หรือ โทษกันไปมา ดังนั้นพรรคไหนเป็นอย่างไรถือเป็นเรื่องของแต่ละพรรค แต่พรรคพลังประชารัฐจะทำงานเต็มที่ และทำการเมืองแบบใหม่อย่างที่ประชาชนอยากเห็น
ขณะเดียวกันเชื่อว่าหากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.มีมติให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ จะไม่เกิดความวุ่นวาย เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกติกา และหากเรายึดมั่นในกระบวนการยุติธรรม ยึดกติกา และให้ความอิสระกับองค์กรอิสระ ผลจะออกมายังไงก็ต้องยอมรับเพราะการกระทำเป็นเครื่องบอกเจตนา ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐเองก็ได้กำชับให้ผู้สมัครทำทุกอย่างในกรอบกติกา ดังนั้นหากใครทำผิดก็ต้องรับผิดชอบกันเอง
ด้านนางสาวธนิกานต์ ระบุว่า ส่วนตัวเป็นคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ จึงอยากอาสาเข้ามาพัฒนาหลายๆ สิ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตามสโลแกนเข้าถึง พึ่งได้ ทั้งเรื่องของสตรี โดยเฉพาะการสร้างความปลอดภัยต่อสตรี เป็นต้น
ขณะที่นางสาววทันยา กล่าวว่า ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐในเขตกทม.ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเข้ามาเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่อยากเห็นการเมืองสาดสี ป้ายสี ทุกคนอยากทำงานสานต่อสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในประเทศ เราล้วนมีความตั้งใจ ดังนั้นถ้ามีโอกาสไปทำงานในสภาก็จะต่อยอดนโยบายต่างๆ ของพรรคให้ประสบความสำเร็จ