22 พฤษภาคมปี 2561 นี้ถือเป็นวาระครบรอบ 4 ปี การเข้ายึดอำนาจของ คสช. ภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากเปรียบเป็นการบริหารงานของรัฐบาลปกติ ก็เรียกได้ว่าอยู่กันจนครบเทอม ต้องยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่
แต่เส้นทางของรัฐบาล คสช.ยังคงต้องเดินหน้าไปต่อ เพราะตามโรดแมปต้องอยู่ยาวถึงปี 2562 ที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ตามที่ “บิ๊กตู่”ได้ย้ำอยู่บ่อยครั้ง
เวลา 4 ปี ของ คสช. เมื่ออยู่นานขึ้น กองหนุนที่เคยมีจำนวนมากอาจเริ่มลดน้อย เห็นได้ชัดจากกลุ่มการเมืองที่เคยสนับสนุน คสช. ที่เปลี่ยนเป็นการวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด จนผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เตือนบิ๊กตู่ รีบหากองหนุนเพิ่มด่วน ให้ช่วยผลักดันภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จ
ขณะที่ย้อนดูผลงานเมื่อครบวาระ 4 ปีของ คสช. สิ่งที่เด่นชัดได้แก่การรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ การจัดระเบียบสังคมและการออกนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย การใช้ ม.44 แก้ปัญหาข้อติดขัดที่กฏหมายปกติไม่สามารถทำได้ การปลดธงแดงจากไอเคโอ้ได้สำเร็จ การปรับปรุงกฎหมายหลายฉบับให้ทันสมัย รวมถึงการฟื้นความสัมพันธ์กับนานาชาติและมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาหลังบิ๊กตู่ บินตรงพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ถึงทำเนียบขาว
แต่ในมุมของนักการเมือง ฝั่งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ มองผลงาน 4 ปี คสช. ถือว่าล้มเหลว ส่วนหนึ่งคือการปฏิรูปประเทศที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงต้นการยึดอำนาจ ยังไม่คืบหน้า รวมถึงกระแสดูดอันโด่งดังที่นักการเมืองจับตาว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจในอนาคตหรือไม่
4 ปีบนเรือแป๊ะที่ คสช.ได้ถือหางเสือล่องในแม่น้ำ ตอนนี้เรียกได้ว่าคงเข้าใกล้ฝั่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็อาจมีคลื่นลมพายุที่พัดให้เรือแป๊ะ ลอยห่างฝั่งย้อนกลับไปต้นแม่น้ำบ่อยครั้ง แต่ พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันสิ่งที่ได้ทำมานั้นไม่เสียเปล่า แต่ด้วยปัญหาของประเทศที่สะสมมายาวนาน การแก้ไขจึงต้องค่อยเป็นค่อยไปและใช้เวลา ซึ่งในอนาคตเราอาจได้เห็นครบรอบ 5 ปี คสช. ก็เป็นได้