กรณีทุจริตอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะโรงเรียนบ้านท่าใหม่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน
หากเปรียบเทียบกรณีทุจริตอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ที่ถูกแฉไม่เว้นแต่ละวัน เป็นดั่งสุภาษิต “น้ำลดตอผุด” ในยุคโซเชียลมีเดีย แบ่งบาน ก็คงไม่ผิดนัก เพราะยิ่งขุด ก็ยิ่งเจอแทบทุกพื้นที่
ไล่เรียงมาตั้งแต่กรณี ฉาวโฉ่ของอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่โกงงบประมาณอาหารกลางวัน เหลือให้นักเรียนชั้นอนุบาล ทานแค่เส้นขนมจีนคลุกน้ำปลา หรือน้ำซุปวิญญาณเนื้อสัตว์
ไม่ต่างจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี ที่แฟนเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” แฉภาพปริมาณอาหารกลางวัน อันน้อยนิดของเด็กนักเรียน ไม่สมกับงบประมาณที่ได้ปีละเกือบ 2 แสนบาท
จนมาถึงกรณีของโรงเรียนในอำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ที่วัตถุดิบทำอาหารกลางวัน ล่องหนหายไปหลายรายการ รวมหลายสิบกิโลกรัม
เมื่อสาวลึกลงไป จะพบพฤติกรรมทุจริตตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบจากตลาดในราคาปกติ แต่ขอเบิกจ่ายเกินราคา หรือจัดส่งไม่ครบถ้วนตามใบสั่งซื้อ แต่ลงนามเบิกค่าวัตถุดิบครบเต็มจำนวน
อย่างไรก็ตาม เมื่อ “ต้อตอ” ถูกแฉ กลับมีการลงโทษแค่ย้ายออกนอกพื้นที่ หรือเด้งเข้ากรุสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาของจังหวัดนั้นๆ และตั้งคณะกรรมการสอบ แต่กลับไม่มีการเอาผิดทางอาญา หรือให้ชดใช้ค่าเสีย ก่อนลงเอยด้วยเรื่องเงียบหาย
ขณะที่ล่าสุด นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้คลอด 3 มาตรการ เพื่อแก้ปัญหาโกงอาหารกลางวันเด็ก ได้แก่ ให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ตั้งคณะทำงานออกสุ่มตรวจ ขอความร่วมมือผู้ปกครอง ดูแลเรื่องเมนูอาหาร โดยให้ทางโรงเรียนทำเมนูล่วงหน้า 1-2 สัปดาห์ พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึก
มาตรการทั้งหมดนี้ อาจช่วยแก้ปัญหาได้เพียงเบื้องต้น แต่หากผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ยังไม่มีจิตสำนึกในเรื่องทุจริต ก็ยากที่จะแก้ปัญหาได้ในระยะยาว และเด็กๆ ก็คงต้องรับกรรมต่อไป