วันนี้ (19 ก.พ. 62) มีรายงานว่า พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา พร้อมกำลังตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และ ตม. ชลบุรี ร่วมกันจับกุมตัวนายสมุทร ยันสาคร อายุ 43 ปี อาชีพขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง บริเวณห้างตึกคอมพัทยากลาง ในข้อกล่าวหา 1.ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น 2.เป็นผู้ขับขี่รถมีปริมาณแอลกฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด (146 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) 3.เป็นผู้ขับขี่รถใช้รถไม่ตรงประเภทที่จดทะเบียนไว้
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ กล่าวว่า ขณะที่นำกำลังออกกวดขันป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในพื้นที่รับผิดชอบ ตามนโยบายผู้บังคับบัญชา ต่อมาได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า เกิดเหตุทำร้ายร่างกายกันที่บริเวณหน้าร้านอาหารอินเดียแห่งหนึ่ง ริมถนนพัทยาใต้ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พบนักท่องเที่ยวพากันแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรวจสอบผู้ได้รับบาดเจ็บถูกชกต่อยจำนวน 3 คน ทั้งหมดเป็นพนักงานของบริษัท เอ็ม เวิลด์ เอเชีย กรุ๊ป
ประกอบด้วย นายเสน่ห์ สอบกระโทก อายุ 60 ปี โชเฟอร์ ถูกทำร้ายจนใบหน้าปูดบวม ขณะที่ นางชะเอม ดอดกระโทก อายุ 62 ปี ภรรยาโชเฟอร์ และ น.ส.วชิราภรณ์ พิฉินทธารี อายุ 39 ปี มัคคุเทศก์ มีรอยฟกช้ำตามร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วน นายสมุทร หลังก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี ก่อนจะถูกตำรวจจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบาร์เบียร์แห่งหนึ่ง ย่านพัทยาใต้ ในอาการคล้ายคนมึนเมาสุรา พูดจาไม่รู้เรื่อง จึงทำการเป่าตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์จากลมหายใจพบว่าเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด และใช้รถผิดปรเภท
สอบถาม นายเสน่ห์ โชเฟอร์รถทัวร์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางมารับลูกทัวร์ชาวอินเดียประมาณ 40 คน ที่ร้านอาหารบริเวณเกิดเหตุ ระหว่างที่กำลังค่อยๆ ถอยรถทัวร์ ปรากฏว่าคนดูท้ายรถส่งสัญญาณว่าท้ายรถทัวร์ไปกระแทกรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านหลัง ก่อนที่แรงกระแทกจะทำให้รถเริ่มขยับ ซึ่งยืนยันว่ารถยังไม่ทันล้มหรือได้รับความเสียหายใดๆ แต่เมื่อ นายสมุทร เจ้าของรถนั่งรับประทานอาหารอยู่พบเห็นจึงรีบปรี่เข้าไปทำร้ายตนเองและภรรยารวมถึงไกด์ที่เข้ามาห้ามปราบจนได้รับบาดเจ็บฟกช้ำตามร่างกาย ก่อนผู้ก่อเหตุจะรีบหลบไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตานักท่องเที่ยวและประชาชนจำนวนมาก
เบื้องต้น นายสมุทร อ้างว่า ขณะที่นั่งรับประทานบะหมี่เกี๊ยวอยู่บริเวณดังกล่าว ได้ยินเสียงคนตะโกนว่าชนแล้ว จึงหันไปดูพบว่ารถจักรยานยนต์ของตัวเองถูกชน จึงรีบวิ่งเข้าไปต่อว่าก่อนจะถูกกลุ่มโชเฟอร์ทำร้ายจนต้องขับรถหนี ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ โดยจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดและสอบถามพยานแวดล้อมพบว่าฝ่ายโชเฟอร์ให้การตามความเป็นจริงหมดทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม ตำรวจจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พร้อมกับส่งเรื่องไปยัง ขนส่ง เพื่อพิจรณาเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่สาธารณะอีกด้วย เนื่องจากทำให้นักท่องเที่ยวและประชาชนได้รับความหวาดกลัวและไม่ปลอดภัยในด้านบริการ เนื่องจากมีอาการมึนเมาสุราระหว่างทำงาน