ศรีสุวรรณยื่นฟ้อง อบจ.เชียงใหม่ หลังสั่งตัดต้นยางนาอายุกว่า 100 ปี บนถ.เชียงใหม่-ลำพูน
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่าวันนี้ (21 ก.พ.62) สมาคมฯได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ เพื่อฟ้องนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 1 และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 2
ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในการสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ไปทำการตัดฟันทำลายต้นยางนา 2 ต้น บริเวณที่แยกกองทราย ซึ่งมีอายุกว่า 100 ปี บริเวณถนนต้นยาง หรือถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน จนมีสภาพเหลือแต่ตอโด่เด่เป็นที่อุจาดทัศน์และครหาของผู้คนที่พบเห็น
ทั้งนี้ ต้นยางนาดังกล่าวปลูกมาตั้งแต่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกประกาศให้ถนนสายดังกล่าวเป็น “พื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม” แล้วตั้งแต่ปี 2558 และกำหนดมาตรการคุ้มครองการห้ามตัด ห้ามทำลายต้นยางนาโดยเด็ดขาด
หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษตาม ม. 100 แห่งพรบ.สิ่งแวดล้อม 2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยให้คณะกรรมการกํากับดูแล และติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ควบคุม ดูแล แต่ทว่ากลับถูกหน่วยงานราชการต่างๆ ทำลาย โดยเฉพาะกรมทางหลวงได้ก่อสร้างถนนวงแหวนรอบนอกเมืองเชียงใหม่ โดยการเทคอนกรีตทับรากและโคนต้นจนทำให้ต้นยางนาขาดอากาศหายใจ เริ่มชงักการเติบโต อ่อนแอ
และล่าสุดทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่กลับถือวิสาสะให้พนักงานเจ้าหน้าที่มาตัดฟัน ทำลายเหลือสภาพแค่ครึ่งต้น ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกสลดใจ และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรงต่อการกระทำเยี่ยงนั้น ว่าเป็นการกระทำที่ลุแก่อำนาจ ไม่สนใจบริบททางประวัติศาสตร์ของต้นยาง และขัดต่อนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการปลูกและดูแลต้นไม้ โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังเกิดปัญหาฝุ่นพิษเกินมาตรฐานในจังหวัดเชียงใหม่ในขณะนี้
นอกจากนั้นไม้ยางนา ถือว่าเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. เป็นไม้ต้องห้ามตาม ม. 6, 7 ประกอบ ม.11 แห่ง พรบ.ป่าไม้ 2484 การตัดฟันหรือทำลายย่อมมีความผิดตาม ม.73 ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 20 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.360 ที่บัญญัติว่าผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์
ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกับต้นยางประวัติศาสตร์ของเชียงใหม่ สมาคมฯไม่อาจยอมรับได้ต้องสู้คดีกันให้ถึงที่สุด และจะนำความไปร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้เอาผิดต่อผู้สั่งการในเรื่องดังกล่าวต่อไปด้วย นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด