สลัดชีวิตมนุษย์เงินเดือน ก้าวสู่การเป็น ‘เถ้าแก่เนี้ย’

ฝันเล็กๆของมนุษย์เงินเดือนบางคนคือการอยากมีอิสระและได้เก็บเงินทำธุรกิจเป็นของตัวเอง สู่การออกมาเป็นนายตัวเอง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีใครทำสำเร็จมาก่อน สูตรความสำเร็จของการก้าวออกมาทำธุรกิจของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน ต้องผ่านการศึกษา ความเสี่ยง การตัดสินใจในการลงทุน ซึ่งหากผิดพลาดไปอาจจะทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปเลยก็ได้ การก้าวออกจากมนุษย์เงินเดือน ซึ่งเป็นอาชีพที่มั่นคงก็เปรียบเหมือนกับการออกมาผจญภัยด้วยตัวเอง “คุณวัน” นันทวัน สวยดี อดีตพนักงานร้านเบเกอรี่…

Home / NEWS / สลัดชีวิตมนุษย์เงินเดือน ก้าวสู่การเป็น ‘เถ้าแก่เนี้ย’

ฝันเล็กๆของมนุษย์เงินเดือนบางคนคือการอยากมีอิสระและได้เก็บเงินทำธุรกิจเป็นของตัวเอง สู่การออกมาเป็นนายตัวเอง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีใครทำสำเร็จมาก่อน สูตรความสำเร็จของการก้าวออกมาทำธุรกิจของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน ต้องผ่านการศึกษา ความเสี่ยง การตัดสินใจในการลงทุน ซึ่งหากผิดพลาดไปอาจจะทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปเลยก็ได้ การก้าวออกจากมนุษย์เงินเดือน ซึ่งเป็นอาชีพที่มั่นคงก็เปรียบเหมือนกับการออกมาผจญภัยด้วยตัวเอง

“คุณวัน” นันทวัน สวยดี อดีตพนักงานร้านเบเกอรี่ ที่เคยใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนมานานถึง 13 ปี เคยชินกับการรับรายได้เป็นรายเดือนมาตลอด  กระทั่งวันหนึ่งถึงจุดอิ่มตัวกับการเป็นพนักงานประจำแล้ว เธอจึงเริ่มมองหาหนทางใหม่ๆ ในชีวิต ด้วยการตัดสินใจสลัดชีวิตมนุษย์เงินเดือน เพื่อก้าวสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ
pwan

การเปลี่ยนสถานะจากชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่ทำมานานถึง 13 ปี มาเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์เซเว่นอีเลฟเว่น เป็นจุดพลิกผันในชีวิตครั้งสำคัญที่เธอใช้เวลาไตร่ตรองและตัดสินใจนานถึง 6 เดือนเต็ม

คุณนันทวันเล่าว่า “เนื่องจากแฟนของพี่ได้ทราบข้อมูลการลงทุนเบื้องต้นมาจากเจ้าของร้านแฟรนไชส์ที่รู้จักอยู่รายหนึ่ง ประกอบกับช่วงนั้นเรากำลังมองหาธุรกิจเพื่อลงทุนอยู่พอดี  เมื่อแฟนมาเล่าให้ฟัง ก็สนใจทันทีเลยค่ะ  เพราะเซเว่นอีเลฟเว่น เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมั่นคง พี่ก็เลยตัดสินใจโทรติดต่อไปที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ธุรกิจแฟรนไชส์เซเว่นฯ  เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกการเป็นเจ้าของร้านแฟรนไชส์เซเว่นอีเลฟเว่น

แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจสมัครนั้น  ก็ใช้เวลาศึกษาข้อมูลอยู่ 6 เดือน    ใช้เงินลงทุน 1.5 ล้านบาท   โดยที่ห้าแสนบาทเป็นเงินลงทุน ส่วนอีกหนึ่งล้านบาทเป็นเงินสดค้ำประกัน  ส่วนนี้จะได้รับคืนเมื่อสิ้นสุดสัญญา   เมื่อตัดสินใจก้าวเข้ามาเป็นแฟรนไชส์ซี่รายใหม่ภายใต้แบรนด์ เซเว่นอีเลฟเว่น ในระยะแรกต้องใช้เวลาพอสมควรในการปรับตัวกับงานใหม่  การเปลี่ยนรูปแบบจากพนักงานประจำที่เคยทำอยู่  มาเป็นเจ้าของร้าน 7-Eleven   มีส่วนคล้ายกันในเรื่องงานบริการ เพราะการทำงานร้านเบเกอรี่ก็เป็นงานบริการเหมือนกัน

โดยส่วนตัวเป็นคนที่รักงานบริการอยู่แล้ว  ทำให้ปรับตัวกับเซเว่นฯได้ไม่ยาก ซึ่งตนก็อยากฝากสำหรับคนรุ่นใหม่หรือมนุษย์เงินเดือนที่อยากออกมาจากชีวิตแบบเดิม ขอเพียงมีใจรักงานบริการ มีเงินทุน และความตั้งใจจริง และมั่นใจในการที่จะก้าวออกมาเป็นเจ้าของธุรกิจ  ไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่ แค่นี้โอกาสที่คุณจะได้เป็นเจ้าของธุรกิจก็ไม่ยากอย่างที่คิดที่สำคัญธุรกิจนี้ยังสามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นให้ทายาทของเรา ได้อีกด้วย

“เราต้องรักในงานที่ทำก่อน งานจึงออกมาดี   อีกอย่างหนึ่งทางเซเว่นอีเลฟเว่นมีแนวทางการบริหารงานที่เป็นมาตรฐานที่ดีอยู่แล้ว   บวกกับความมุ่งมั่นตั้งใจ  งานก็จะเข้าที่เข้าทางได้ง่ายขึ้น ทางบริษัทฯมีทีมงานเข้ามาตรวจสอบและให้คำแนะนำ  หากเรามีปัญหาอะไรบริษัทฯก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือค่ะ” นันทวันกล่าว

เรียบเรียงโดย MThai News

ที่มาเว็บไซต์ cpall.co.th