สาวพิการวัย 17 ปีที่ถูกคนขับเก๋งหรูไปจอดทับที่ในห้างดังเมืองพัทยา วอนว่าที่ “นายกฯ” ใส่ใจคนพิการ สร้างมาตรฐานความเท่าเทียมของ “มนุษย์”
กรณี น.ส.กมลพรรณ กระราชเพชร หรือ “น้องแบม” สาวขาพิการวัย 17 ปี นักศึกษาชั้น ปวช.1 วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่พัทยา เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ใช้เฟสบุ๊กส่วนตัวโพสต์คลิปวีดีโอ ซึ่งเป็นภาพพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าเทอมินอล 21 ย่านพัทยาเหนือ เข็นรถจักรยานยนต์พ่วงข้างของ น.ส.กมลพรรณ กับเพื่อนๆ คนพิการ ออกจากบริเวณช่องจอดรถของคนพิการ ก่อนโบกให้รถยนต์เก๋งหรู ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นมัสแตง สีฟ้า ที่มีหญิงไทยเป็นคนขับและมีชายไทย นั่งคู่มาด้วย เข้าไปจอดแทน ก่อนที่ทั้งคู่จะลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในห้างฯ ส่วน รปภ.กลับเดินหนี ทิ้งรถ จักรยานยนต์พ่วงข้างไว้กลางถนน จนเพื่อนชายของ น.ส.กมลพรรณ ที่เป็นคนพิการเช่นกันต้องลงไปเก็บรถเอง
โดยภายหลังเรื่องราวดังกล่าว ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ทำให้มีผู้มาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก จนกลายกระแสดังในโลกโซเชียล เกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำกันของ “มนุษย์” และโจมตีเจ้าของรถหรูกันจนหญิงคนขับรถ (ไม่ขอเผยชื่อ) ต้องรีบติดต่อห้างฯ ให้พา รปภ.คนดังกล่าว และนัด น.ส.กมลพรรณ เพื่อพูดคุยชี้แจงและขอโทษ แต่ก็ไร้เงาชายที่ปรากฏในคลิปอีกคน ตามที่รายงานไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าของเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่พัทยา เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อสอบถามความรู้สึกของ น.ส.กมลพรรณ กระราชเพชร หรือ “น้องแบม” สาวพิการวัย 17 ปี ภายหลังทางห้างฯ และหญิงคนขับรถเก๋งหรูออกมาชี้แจงและขอโทษเมื่อช่วงค่ำวานนี้
โดย น.ส.กมลพรรณ เปิดเผยว่า ตอนแรกที่ทางห้างสรรพสินค้าเทอมินอล 21 โทรศัพท์มาบอกว่าจะขอนัดเจรจาพูดคุย ตนก็ยังไม่เชื่อ เพราะคิดว่าน่าจะเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป กระทั่งพอได้เจอกันตนก็ยังไม่รู้ว่าหญิงคนขับรถเก๋งหรูเป็นใคร และทางหญิงคนดังกล่าวก็ไม่ได้บอกด้วยว่าชายหนุ่มอีกคนทำไมไม่มาด้วย แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
“ในส่วนของ รปภ.ที่อ้างว่าเข็นรถของตนออกแล้วบังเอิญมีรถขับเข้ามาในห้างฯ จึงต้องรีบไปโบกรถจัดการจราจร ตนขอยืนยันว่า จังหวะนั้นไม่มีรถขับเข้ามาในบริเวณห้างฯแต่อย่างใด ถึงแม้จะมีรถขับเข้ามาก็คงไปต่อไม่ได้ เพราะรถของตนจอดขวางอยู่กลางถนน ขณะที่หญิง-ชายเจ้าของรถเก๋งหรูราคาแพง ตนก็อยากจะขอวอนว่าอย่าได้ทำเรื่องแบบนี้อีก ไม่ว่าที่ไหนในโลก และควรมองผู้พิการอย่างทัดเทียม” น.ส.กมลพรรณ กล่าว ก่อนที่จะฝากไปถึงว่าที่ “นายกรัฐมนตรี” ในอนาคตอันใกล้นี้ว่า อยากจะให้ผู้บริหารประเทศสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการมากกว่านี้ ดังเช่นหลายๆ ประเทศ อาทิ ประเทศเกาหลีใต้ ที่ตนเคยไปมาแล้ว
ด้าน นายอุดมโชค ชูรัตน์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่พัทยา เผยว่า จริงๆแล้วยังมีอีกหลายคนยังไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องมีที่จอดรถสำหรับคนพิการไว้เป็นพิเศษ คนพิการที่พัฒนาตัวเองจนสามารถช่วยตัวเองได้ สามารถเดินทางไปทำงานได้ ไปเรียนได้ ก็จำเป็นที่จะต้องมีรถส่วนตัว การเดินทางโดยรถสาธารณะ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย จึงจำเป็นต้องมียานพาหนะเป็นของตัวเอง
ในขณะที่จุดจอดรถของคนพิการส่วนใหญ่มักจะสร้างไว้ให้พอดีกับตัวรถ เมื่อเข้าไปจอดแล้ว ปกติทั่วๆไปก็แทบจะต้องตะแคงตัวออกมา แต่คนพิการมีมากกว่านั้น มีทั้งไม้เท้า หรือรถวิลแชร์ การที่จะเอารถวีลแชร์ไปเทียบ จำเป็นต้องเปิดประตูรถให้กว้างที่สุด และจอดเทียบในจังหวะที่พอเหมาะพอสมถึงจะย้ายตัวจากรถมาที่วิลแชร์ได้
เพราะฉะนั้น ในเรื่องของการอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะต่างประเทศหรือที่ไหน ก็มักจะเตรียมที่จอดรถไว้ให้สำหรับคนที่ต้องใช้พื้นที่เป็นพิเศษ ใกล้ประตูทางเข้าออก และสามารถทำให้คนพิการได้รับความสะดวกมากกว่าที่เป็นอยู่ และสุดท้าย อยากจะฝากไปถึง ผู้ที่จะมาเป็นรัฐบาลในอนาคตว่า สิ่งที่มันถูกบรรจุเป็นข้อกฎหมายแล้วในปัจจุบันแต่ในทางปฏิบัติแล้ว ยังไม่เป็นไปตาม กฎหมายที่บัญญัติไว้ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่จอดรถเป็นต้น ก็ยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นเรื่องเป็นราว
ในส่วนของทางลาด ที่เป็นทางขึ้นทางลง ก็ไม่เฉพาะ คนพิการเท่านั้นที่จะได้รับความสะดวก แต่จริงๆแล้ว ยังเป็นสิทธิ์และสวัสดิการของคนหลายๆประเภทอาทิคนชรา จึงอยากให้รัฐบาลใหม่ หันมาใส่ใจบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง นายอุดมโชค ชูรัตน์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่พัทยา กล่าว
