บิ๊กโจ๊ก แถลงจับเต็นท์รถรายใหญ่ โกงเหยื่อหลายร้อยราย พร้อมยึดทรัพย์ 200 ล้าน
วันที่ 21 ก.พ. 62 เมื่อเวลา 18.30 น. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะฯ ได้เดินทางมาแถลงผลการจับกุมเต็นท์รถรายใหญ่ ที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองอำเภอสตึกกว่า 100 นาย ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นจับกุมเต็นท์รถ โดยทำการอายัดรถกว่า 200 คัน และจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ยึดทรัพย์กว่า 200 ล้านบาท สืบเนื่องจากมีประชาชนผู้เสียหายหลายราย เข้าร้องเรียนศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินประชาชน ว่า ถูกเต็นท์รถดังกล่าวหลอกลวงฉ้อโกงสูญทั้งรถทั้งเงิน แถมยังถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องร้องบังคับคดีทางแพ่ง ถูกยึดบ้าน ยึดรถ เดือดร้อนมานาน
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่าเต็นท์รถดังกล่าวเปิดดำเนินการมานานกว่า 20 ปีหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนหลายร้อยราย มีเงินหมุนเวียนปีละ 2-300 ล้านบาท โดยวิธีการของเต็นท์รถดังกล่าวจะเปิดเป็น หจก. เพื่อรับซื้อรถ 2 ประเภท คือ รถที่อยู่ในไฟแนนซ์และไม่ได้ติดไฟแนนซ์ โดยรถที่ไม่ได้อยู่ในไฟแนนซ์ก็บอกว่าจะให้ราคาสูงเพื่อจูงใจ แต่เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อนำรถมาขาย แล้วก็จ่ายเงินไม่ครบ เมื่อผู้เสียหายมาขอรถคืนก็ไม่ให้ แต่กลับเอารถไปจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง
อีกวิธีการคือเจ้าของรถที่ยังติดไฟแนนซ์นำรถมาขาย ก็เสนอราคาให้สูงเมื่อผู้เสียหายตกลงขาย เต็นท์ก็รับปากจะผ่อนต่อให้ แต่กลับนำรถไปขายต่อโดยที่ไม่ส่งไฟแนนซ์ให้ตามที่รับปาก ทำให้ชาวบ้านต้องเสียทั้งรถ และต้องมาผ่อนกระดาษเปล่าอีก ทั้งยังถูกฟ้องร้องคดีแพ่งอีก ปัญหาที่เกิดขึ้นความรู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกง ทั้งไม่มีใครให้คำแนะนำปรึกษาจึงทำให้มีคนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวถือเป็นความผิดคดีอาญาชัดเจน ในลักษณะร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และเข้าข่ายกระทำผิดฐานฟอกเงิน จึงมีการขออนุมัติหมายศาลจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือเจ้าของเต็นท์รถสามี ภรรยา และลูกน้องที่ทำหน้าที่คอยรับซื้อขายแลกเปลี่ยนรถ นอกจากนี้ ยังได้ยึดทำการทรัพย์อีกกว่า 200 ล้านบาท