ปภ.รายงาน 7 จังหวัดภาคเหนือคุณภาพอากาศในภาพรวมเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ประสานจังหวัดปฏิบัติการแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานพื้นที่ภาคเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ และพะเยาคุณภาพอากาศในภาพรวมเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสาน 7 จังหวัดดังกล่าว ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองให้สอดคล้องกับ
สถานการณ์ในพื้นที่จัดเจ้าหน้าที่ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรวมถึงดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด อีกทั้งขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าและปัญหาหมอกควันปกคลุมพื้นที่
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 05.00 น. พบว่า ภาคเหนือมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) และปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกินค่ามาตรฐาน (50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เกินค่ามาตรฐาน 100 ใน 7 จังหวัด ได้แก่
เชียงใหม่ (ตำบลช้างเผือก ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม)
ลำปาง (ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง ตำบลสบป้าด ตำบลบ้านดง ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ)
ลำพูน (ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน)
แม่ฮ่องสอน (ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน)
น่าน (ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน)
แพร่ (ตำบลนาจักร อำเภอเมืองแพร่)
พะเยา (ตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา)
โดยมีค่า PM2.5 ระหว่าง 57 – 87 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า PM10 ระหว่าง 79 – 230 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI มีค่าระหว่าง 116 – 226 ซึ่งคุณภาพอากาศในภาพรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง มีค่า PM2.5 อยู่ที่ 87 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า PM10 อยู่ที่ 230 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI มีค่าระหว่าง 226 คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสาน 7 จังหวัดภาคเหนือดังกล่าว ดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ รวมถึงจัดเจ้าหน้าชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกล สนับสนุนการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยฉีดพ่นน้ำลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศ และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
อีกทั้งดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด โดยพื้นที่ป่าไม้ เน้นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบจุดไฟเผา พื้นที่เกษตรกรรม ให้กำหนดช่วงเวลา จัดระเบียบการเผา และประกาศเขตห้ามเผา ตลอดจนขอความร่วมมือประชาชน งดเว้นการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อป้องกันสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน
สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม ให้หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน รวมถึงใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันมิให้สูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควันสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป