หลัก 7 ประการที่จะทำให้ ธุรกิจคุณเจ๊งแน่นอน จากสถิติทั้งไทยและต่างประเทศกว่า ของกิจการที่เปิดใหม่ต้องปิดตัวลงไปภายในระยะเวลาไม่นาน
จากสถิติทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 90% ของกิจการที่เปิดใหม่ต้องปิดตัวลงไปภายในระยะเวลาไม่นาน แต่ก็คงมีไม่มากคนนักที่จะกล้าออกมาบอกคุณว่าทำอย่างไรเค้าถึงไม่ประสบความสำเร็จ หรือไม่ คุณก็ไม่อยากจะรู้เรื่องของคนที่ล้มเหลว แต่ถ้าลองสังเกตุและวิเคราะห์ให้ดีๆแล้ว หากเรารู้ว่าเค้าทำอย่างไร เค้าถึงล้มอย่างไม่เป็นท่า มันน่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อยเช่นกัน
1. วางแผนมากเกินไป ทฤษฎีเต็มไปหมด
เป็นเจ้าทฤษฎี เจ้าแผนการ รู้เยอะมากเรียนมาเยอะ ชอบวางแผน คิดวิเคราะห์หลายตลบ คิดแล้วคิดอีก ทำแต่แผนงานกับกลยุทธ์ เป็นเสือกระดาษ แต่ไม่เคยปฏิบัติเองจริงๆ ลงมือทำจริงๆ หรือ ไม่เข้าใจว่าธุรกิจจริงๆมันไม่ใช่แค่แผนงาน หรือ แผ่นกระดาษกลยุทธ์ หลายธุรกิจพอประสบปัญหาแทนที่จะลงไปแก้ปัญหาจริงๆ กลับมานั่งทำแผน ทำกลยุทธ์ จ้างบริษัทที่ปรึกษามาคิดนู่นี่นั่นให้ การวางแผนนั้นจำเป็นต่อการทำธุรกิจ แต่ทำแค่พอเหมาะก็พอ เน้นปฏิบัติดีกว่าครับ
2. สินค้าและบริการคุณภาพไม่ดีจริง
ผู้ประกอบการสมัยนี้หลายคนชอบมักง่ายคิดแต่เรื่องของผลกำไร จนลืมไปว่าการทำธุรกิจจริงๆ คือการส่งมอบสิ่งดีๆให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการ แต่หลังๆมักจะเข้าใจในเรื่องของการตลาดผิดๆ ชอบสร้างภาพ สร้างแบรนด์ เอาโปรโมชั่นต่างๆมาหลอกล่อ ลด แลก แจก แถม สร้างความต้องการจอมปลอมให้กับลูกค้า แต่สินค้าและบริการไม่ได้ดีจริง คุณทำแบบนี้ได้ไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวลูกค้าก็เบื่อหรือก็พบกับความจริง สุดท้าย เค้าก็จะตีจากคุณไปอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่คุณมอบให้กับเค้ามันไม่ใช่สิ่งที่เค้าต้องการจริงๆ ลองดูจากตัวอย่างรอบๆตัวซิครับ ร้านค้าไหน ร้านอาหารไหน หรือสินค้าอะไร ที่ต้องโฆษณาเยอะๆ หรือ ทำโปรโมชั่นเยอะๆ หยุดทำเมื่อไหร่ ยอดตกทันที.. ซึ่งถ้าของเค้าดีจริง ไม่ต้องเน้นเรื่องพวกนั้นหรอกครับ เน้นการส่งมอบสิ่งดีๆให้กับลูกค้าดีกว่า
3. ห่วงแต่ต้นทุนและค่าใช้จ่าย
เจ้าของธุรกิจหลายๆคน พอธุรกิจเริ่มเข้าที่ ก็เริ่มจะอยากได้กำไร พออยากได้กำไร ก็จะพยายามลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยลืมคำนึงไปว่า การลดต้นทุนและตัดค่าใช้จ่ายนั้น จะส่งผลระยะยาวอย่างไรต่อธุรกิจบ้าง จริงอยู่ว่าการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายนั้นจะทำให้มีผลกำไรมากขึ้น แต่บางครั้ง การลดจนถึงขั้นขี้เหนียว ก็จะส่งผลต่อคุณภาพสินค้าหรือบริการ หรือ ประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กร และสุดท้ายก็ส่งผลต่อความพอใจของลูกค้า เช่น ผู้ผลิตอาหารพยายามลดต้นทุนด้วยการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพลดลงเพื่อลดต้นทุน สุดท้าย สินค้าคุณก็ไม่อร่อยเหมือนเดิม พอลูกค้ารู้ว่าคุณขายเท่าเดิม แต่คุณภาพไม่เหมือนเดิม ซวยแน่นอนครับ
4. คิดว่าตนเองเข้าใจลูกค้า
เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ หรือ นักการตลาดส่วนใหญ่ชอบคิดว่าตัวเองเข้าใจลูกค้า และ เก่งกว่าลูกค้า บางครั้งชอบคิดเอาเองว่าสิ่งที่เจ้าตัวชอบหรือคนรอบข้างชอบ ลูกค้าจะต้องชอบด้วย คนหลายคนพลาดตรงจุดนี้ครับ เช่น การจัดโปรโมชั่น หรือ การออกสินค้าใหม่ๆ ที่บริษัทฯภูมิใจนัก ภูมิใจหนา แต่สุดท้ายออกมาก็แป๊ก!! เพราะไอเดียของสินค้ามาจากเจ้าของธุรกิจที่ไม่เคยคิดจะฟังเสียงของลูกค้าจริงๆ
5. ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ
ช้อนี้คลาสสิคมากครับ หลายต่อหลายกิจการเจ๊ง เพราะทำแบบเดิม กลยุทธ์เดิมๆ โปรโมชั่นเดิมๆ และ ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยน ชอบคิดว่า เคยทำแล้วสำเร็จมาก่อน เคยเป็นที่หนึ่งมาก่อน อยู่มาได้เป็นสิบๆปี หรือ เป็นที่หนึ่งที่อื่นมาก่อน ที่เห็นบ่อยๆก็พวก อันดับ1 จากประเทศต่างๆ ที่มาในตลาดไทยแล้วก็มาตายกันจนนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่จะเป็นพวกร้านอาหาร เครื่องดื่ม ที่เห็นบ่อย ช่วงหลังๆจะมาจากญี่ปุ่นกันเยอะ หากคุณยึดติดกับสิ่งเดิมและไม่เปลี่ยนแปลงตามตลาดหรือโลก เตรียมตัวเก็บของได้เลยครับ
6. ไม่มีเวลา ไม่จริงจัง
ข้อนี้เป็น สิ่งที่ชอบอ้างกันเยอะมากๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม ผู้ประกอบการหน้าใหม่ หรือ พนักงานประจำ ที่พยายามจะหาธุรกิจทำเพื่อสร้างรายได้เสริม ส่วนมากจะเริ่มมาจาก คำว่า ทำเล่นๆ สนุกๆ หุ้นกันกับเพื่อน ทำนิดๆหน่อยๆ หรือ ทำไปเพราะคิดว่ามันง่าย ที่เห็นกันบ่อยๆก็พวกเปิดร้านกาแฟ ชานมไข่มุก เบเกอรี่ หรือ หุ้นกับเพื่อนหลายๆคน ทำสนุกๆเป็นรายได้เสริม
ผมอยากจะบอกว่าไม่มีธุรกิจไหนหรอกครับ ที่จะได้เงินกันมาง่ายๆ 80-90% ของคนกลุ่มนี้ เจ๊งครับ เพราะแรกๆก็จริงจัง สนุก ทุ่มเต็มที่ พอทำไปสักพัก เริ่มบอกว่าไม่มีเวลา ไม่เป็นไรหรอก ทำเล่นๆ สุดท้ายก็ปิดกิจการไปในที่สุด
7. ศึกษาธุรกิจ หรือ ตลาดมาไม่เพียงพอ
เรื่องนี้จะเกิดจากการตัดสินใจทำธุรกิจอย่างรวดเร็วโดยไม่ศึกษาในตัวโครงสร้างธุรกิจหรือ ตลาดให้ดีพอเสียก่อน ซึ่งส่วนมากจะเป็นกลุ่มธุรกิจ แฟรนไชส์ หรือ เห็นว่าเทรนด์ของธุรกิจนี้กำลังมา อาจจะเป็นพวกแฟชั่น พอเห็นว่าคนอื่นเค้าทำกันก็กำไร ก็เลยกระโดดลงไปทำธุรกิจด้วย สุดท้ายมาพบเอาทีหลังว่ารายละเอียดปลีกย่อยในการจัดการธุรกิจมันเยอะมาก เช่น ลืมคิดไปเรื่องของการจัดการสต็อคสินค้า, เงินหมุนเวียนที่อาจจะต้องมีสายป่านยาว, พนักงานลาออกบ่อย หาพนักงานยาก, ลืมคิดถึงความเสี่ยงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น
จริงๆแล้วสาเหตุที่ทำให้กิจการไปไม่รอดนั้นยังมีอีกมากมายหลายอย่าง แต่ 7 เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เป็นสาเหตุหลักๆที่เป็นกันค่อนข้างเยอะทั้งองค์กรเล็กและองค์กรใหญ่ อย่างน้อยเราก็รู้ว่า ทำอย่างไรให้ธุรกิจเจ๊ง
credit: YES club (Young Entrepreneur Society)