“อนุทิน” มั่นใจเสียงประชาชน กำหนดตัวนายกฯ ไม่กังวล “บิ๊กป้อม” คุม ส.ว.
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวภายหลังร่วมบันทึกเทปดีเบตพรรคการเมืองที่จัดโดย กกต. ว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ละท่านต่างเตรียมตัวเพื่อนำเสนอนโยบาย สำหรับพรรคภูมิใจไทย สิ่งที่เราต้องการนำเสนอแก่ประชาชน คือ การทำลายทุกข้อจำกัด ลดอำนาจรัฐ เพื่อปากท้องประชาชน หรือการทำลายกฎกรอบที่เอื้อต่อการผูกขาดโดยรัฐ หรือเอกชน ให้ประชาชนมีโอกาสในการทำมาหากินเพิ่มขึ้น
ส่วนตัวนายอนุทินเคยบริหารธุรกิจมาก่อน เคยเห็นบริษัทเป็นหนี้มหาศาลอันเกิดจากปัญหาวิกฤติปี 2540 แต่ตราบใดที่โครงสร้างบริษัทยังแกร่ง เราสามารถแก้ไขและพัฒนาให้ทำกำไรได้ ประเทศไทยก็เช่นกัน ตนมั่นใจว่าโครงสร้างเศรษฐกิจเราเข้มแข็ง แต่ต้องได้การบริหารจัดการที่ดี จัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่าย ที่สำคัญเงินต้องหมุนในประเทศไทย
ระหว่างรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่ต้องจ้างต่างชาติเกือบทั้งหมด กับการสร้างสาธารณูปโภค อาทิ ถนน 12 เลน คุณภาพดี ซึ่งทุกคนใช้ร่วมกันได้ ที่สำคัญเงินอยู่กับคนไทย คนไทยทำ ของคนไทย คนไทยใช้ เราต้องเลือกให้ดี ส่วนตัวสนับสนุน Thailand First อยู่แล้ว ทั้งนี้ ในประเด็นการเมือง ตนเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย และขอวิงวอนให้ทุกคนช่วยกันรักษาระบอบนี้ให้อยู่รอดปลอดภัย
เมื่อถามถึงกรณีที่พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการคัดเลือก ส.ว. นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่กังวลว่าใครจะมานั่งในตำแหน่งไหน หรือจะมีอำนาจอย่างไร เรื่องเหล่านี้ ตนไม่อยากคิดมาก หน้าที่ของพรรคการเมืองคือชูนโยบาย สร้างความมั่นใจแก่ประชาชน และที่สำคัญเชื่อว่า เสียงของประชาชนมีพลังมากพอจะกำหนดทิศทางประเทศ รวมถึงชี้ว่าใครจะเป็นนายกฯ
นอกจากนั้น นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกฎหมายกัญชาของภาครัฐว่า กฎหมายที่ภาครัฐเพิ่งออกมา ไม่กระทบกับภูมิใจไทย เพราะทางนั้น กำหนดให้เพียงบางหน่วยงานที่ปลูกได้ จำหน่ายได้ เรียกให้ง่ายคือ ยังไม่เป็นเสรี แต่พรรคภูมิใจไทยให้ทุกครัวเรือนมีสิทธิ์ปลูก และหารายได้อย่างเท่าเทียม ไม่มีกลุ่มทุนใด องค์กรใดเข้ามาครอบงำ หรือได้ประโยชน์เหนือประชาชน
ส่วนกรณีที่พลเอกประยุทธ์ ปฏิเสธร่วมดีเบต นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่สำหรับเรา การดีเบต ก่อให้เกิดประโยชน์ 2 ฝ่าย ประชาชนได้ทราบนโยบาบ และพรรคได้มีโอกาสเสนอนโยบาย ผู้ที่ปฏิเสธโอกาสตรงนี้ ตนเสียดายแทน