ตีแผ่เส้นทางค้าปลีกกว่า 70 ปี ผ่าน 3 หญิงแกร่งเมืองไทย

ตีแผ่เส้นทางค้าปลีกผ่าน 3 หญิงแกร่งเมืองไทย นับจากนาทีนี้จนถึงปี พ.ศ.2563 เม็ดเงินอย่างน้อย 3 แสนล้านบาท จะถูกทุ่มลงในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ทั้งโครงการปลีกอเนกประสงค์ขนาดนับแสนตารางเมตร ทั้งจากผู้เล่นหน้าเดิมและผู้เล่นหน้าใหม่ ต่างดาหน้าเขามาสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจที่มีมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสร้างรายได้เป็นอันดับสองของประเทศ…

Home / NEWS / ตีแผ่เส้นทางค้าปลีกกว่า 70 ปี ผ่าน 3 หญิงแกร่งเมืองไทย

ตีแผ่เส้นทางค้าปลีกผ่าน 3 หญิงแกร่งเมืองไทย

01

นับจากนาทีนี้จนถึงปี พ.ศ.2563 เม็ดเงินอย่างน้อย 3 แสนล้านบาท จะถูกทุ่มลงในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ทั้งโครงการปลีกอเนกประสงค์ขนาดนับแสนตารางเมตร ทั้งจากผู้เล่นหน้าเดิมและผู้เล่นหน้าใหม่ ต่างดาหน้าเขามาสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจที่มีมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสร้างรายได้เป็นอันดับสองของประเทศ สร้างงานภาคบริการใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยจำนวนผู้เกี่ยวข้องถึง 6.2 ล้านคน

จากปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นภาวะการแข่งขันที่มั่นใจได้ว่าดุเดือนไม่แพ้สนานรบ นิตยสารชั้นนำระดับโลก Forbes Thailand (ฟอร์บส ไทยแลนด์) ภายใต้การบริหารของ บริษัท โพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย จำกัด จึงหยิบยกประเด็นนี้มาเจาะลึกชนิดถึงแก่น ตั้งแต่ย้อนรอยเส้นทางค้าปลีกของไทยกว่า 70 ปี ตีแผ่เรื่องราวทุกรายละเอียด

03

พร้อมรายงานแนวโน้มการเติบโตวงการค้าปลีกจากกูรู-นักวิเคราะห์หลากสำนัก ระบุศูนย์การค้าไทยครองแชมป์ลงทุน พร้อมติดปีกสร้างปรากฏการณ์ศูนย์กลางช้อปปิ้งระดับชาติในปี 2563 ผ่านบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่หาอ่านได้ยาก จากการโคจรมาพบกันของ 3 ราชินีแห่งวงการค้าปลีกไทย อย่าง ศุภลักษณ์ อัมพุช ราชินีแห่งเครือ The Mall Group, ยุวดี จิราธิวัฒน์ ทัพหน้าแห่ง Central Department Store Group (CDG), ชฎาทิพ จูตระกูล หญิงเหล็กแห่งสยามพิวรรธน์

นายนพพร วงศ์อนันต์ บรรณาธิการบริหาร Forbes Thailand  เผยว่า จากจำนวนพื้นที่ค้าปลีกที่จะเพิ่มขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า ทำให้เกิดคำถามว่าห้างจะท่วมไทยหรือไม่ แต่จากการรวบรวมข้อมูลของ Forbes Thailand ตัวเลขจากนักวิเคราะห์หลากสำนักต่างคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่นใจของผู้เกี่ยวข้องกลับไม่คิดเช่นนั้น จากข้อมูลของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุว่าทิศทางเศรษฐกิจปลีก-ค้าส่ง ในปี 2558 จะปรับตัวดีขึ้น โดยช่วงปี 2558-2562 ธุรกิจนี้จะมีมูลค่าตลาดรวม 1.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นการขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 7-8% ต่อปี เปรียบเทียบจากอัตราการขยายตัวเฉลี่ยต่อปีในช่วงปี 2553-2557 ซึ่งอยู่ที่ 5% ต่อปี

ขณะที่ PricewaterhouseCoopers (PwC) บริษัทให้คำปรึกษาและบริการทางธุรกิจชั้นนำ มองว่าการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปีนี้ จะเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการไทยเร่งพัฒนาศักยภาพ ทำให้ธุรกิจมีความน่าสนใจและช่วยให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวยิ่งขึ้น

06

อีกทั้งระบุว่ากำลังซื้อของผู้ที่มีรายได้ระดับปานกลางในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และทวีปเอเชีย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 20% จากปี 2543 และผู้ที่มีกำลังซื้อนี้มาจากเอเชียมากกว่า 30% เมื่อเทียบสัดส่วนจากทั่วโลก ขณะเดียวกันยังเห็นการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกกระจายออกไปยังนอกเขตกรุงเทพฯ ตามแนวโน้มการกระจายตัวของประชากร จากสมมติฐานดังกล่าว PwC จึงเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายในธุรกิจค้าปลีก

นอกจากนี้ บริษัท คอลิเออร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ ยังประเมินว่าจะมีถึง 28 ศูนย์การค้าชุมชนใหม่เปิดตัวในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในระหว่างปี 2558-2559 เฉพาะปีแพะจะเปิดให้บริการถึง 25 โครงการ รวมพื้นที่ 320,000 ตร.ม.เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวจากปีที่แล้ว โดยจะต่อเนื่องไปจนถึงปี 2560 จาก 2 โครงการระดับชาติของกลุ่มเดอะมอลล์ (คือ BLU PORT, HUA HIN Resort Mall และ The EmSphere) และเซ็นทรัลเฟสติวัลเฟส 3 ที่ภูเก็ต

อย่างไรก็ตามจิ๊กซอว์สำคัญที่จะผลักดันให้ไทยกลายเป็นศูนย์การค้าระดับเวิลด์คลาสประชันเวทีโลก จะขาดราชินีแห่งวงการค้าปลีกเมืองไทยทั้ง 3 ท่านนี้ไม่ได้ ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ Forbes Thailand  ในฉบับเดือนมี.ค.2558 ถึงกำลังรบเต็มอัตราศึกพร้อมลงสู้ศึกในสมรภูมิค้าปลีกโลก ได้แก่ ศุภลักษณ์ อัมพุช ผู้ก่อตั้งสยามพารากอนให้เป็น”โครงการแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย”

ศุภลักษณ์ อัมพุช
ศุภลักษณ์ อัมพุช

หลังออกท่องสมรภูมิค้าปลีกเมืองไทยเมื่อ 3 ทศวรรษก่อน โดยมีพ่อชี้ช่องขยายธุรกิจต่อกรกับคู่ต่อสู้ยักษ์ใหญ่จากทั้งในและต่างประเทศ ถึงวันนี้เธอคือฉลามผู้ปราดเปรียวแห่งทะเลเลือดพร้อมชนปลายักษ์ในทุกน่านน้ำ กับการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยริเริ่ม ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์ และ ดิ เอ็มสเฟียร์ พร้อมตั้งเป้าหลักชัยต่อไป คือ เพิ่มยอดขายของ The Mall Group อีกเท่าตัวเป็น 1 แสนล้านบาท ในอีก 8 ปี

“โครงการที่แอ๊วทำขึ้นมา แอ๊วไม่หาพลอย เราหาแต่เพชร ก็คือ โลเคชั่นต้องเป็นเพชร พอเราได้ที่ที่เป็นเพชรแล้ว เราทำโครงการให้ดี มันก็ชนะได้ ไม่  waste…เราไม่สามารถเจ็บตัวได้ เพราะเราไม่ได้มีโครงการเยอะ…เราเอาแข็งแรง คนต้องอยู่ได้ ค้าขายกับเราแล้วทุกโปรเจ็คต์กำไร ไม่ใช่ตรงนี้กำไร ตรงนี้ขาดทุน เราไม่เอา เราเอา Win นี้ก็คือสนามรบที่เราขอ win”

ยุวดี จิราธิวัฒน์
ยุวดี จิราธิวัฒน์

ยุวดี จิราธิวัฒน์ หญิงเก่งทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง “จิราธิวัฒน์” สานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ของเซ็นทรัล เดินหน้ารุกสมรภูมิค้าปลีกแบบไม่หวั่น สร้างเครือข่ายขยายสาขาทั้งในประเทศบ้านเกิด อาเซียน และยุโรป ตั้งเป้ายอดขาย 5 ปีข้างหน้า เติบโตกว่า 60% จากปัจจุบันที่ 9 หมื่นล้านบาท ควบคู่ภารกิจสร้างห้างให้เป็นประสบการณ์ความสุขของทุกคน

“เราไม่ได้เป็นแค่สถานที่ขายของ แต่เราเป็นสถานที่ที่ผู้คนมาใช้ชีวิตประจำวัน เป็นที่ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ห้างเซ็นทรัลเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 ของลูกค้าของเรา ซึ่งความสำเร็จจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าขาดทีมงานที่ดีและการสนับสนุนที่ดีจากลูกค้า รวมถึงคู่ค้า เรามีความเชื่อมั่นในการทำงานร่วมกันเป็นทีม จนทำให้เซ็นทรัลเติบโตได้ทุกวันนี้”

ชฎาทิพ จูตระกูล
ชฎาทิพ จูตระกูล

ชฎาทิพ จูตระกูล ทายาทสาวคนเล็กของผู้ก่อตั้ง “สยามพิวรรธน์” ให้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความทันสมัยของ “สยาม” ผู้หาญข้ามแม่น้ำมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่บนฝั่งตะวันตกริมฝั่งเจ้าพระยา ด้วย IconSiam โครงการมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท จากวันที่น่านน้ำไร้คู่แข่ง ถึงวันที่กลายเป็นทะเลเลือด ชฎาทิพไม่เคยหวั่นเกรงต่อการแข่งขัน

“แป๋มจะยกตัวอย่างปลา เราขอแค่เป็นปลาที่ไม่เหมือนใคร ไม่ใช่พันธุ์ที่มีเป็นล้านตัวในทะเล เราไม่จำเป็นต้องเป็นปลาตัวใหญ่ในมหาสมุทร แต่เราจะเป็นปลาที่อยู่ในมหาสมุทรได้อย่างยั่งยืน หมายความว่าถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งในวงการค้าปลีก และ retail development เราก็ขอเป็นคนแรกที่ทำอะไรไม่เหมือนใคร แต่แตกต่างและโดนใจลูกค้า เป็นความแตกต่างที่ทำให้เราประสบความสำเร็จสูงสุด แต่ขณะเดียวกันเราจะเป็นจุดที่ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดที่โดดเด่นในเวทีโลก”

ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารฟอร์บส ไทยแลนด์

MThai News