วันนี้ คอลัมน์ 108 อาชีพ ขอนำเสนอการเพาะ เห็ดโคน จากจุลินทรีย์จาวปลวก หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่ง ‘เห็ดปลวก’ ที่สามารถเพาะกินหรือขายได้ตลอดทั้งปี
สำหรับ ‘เห็ดปลวก’ เป็นเห็ดโคนที่เติบโตได้ดีในสภาพธรรมชาติ ความชื้นและอุณหภูมิที่พอเหมาะ และเนื่องจากจอมปลวกเป็นแหล่งที่มีความชุ่มชื้นที่เหมาะสม เมื่อฝนตกทำให้ปลวกทำการอพยพออกจากรังเดิม ก็จะปรากฎตุ่มดอกเห็ดเล็ก ทำให้เห็ดที่โตจากจอมปลวกนั้น เป็นดอกเห็ดที่มีคุณภาพ ความชุ่มชื้นสูง
โดยปกติแล้ว เห็นโคน ค่อนข้างหายาก และออกผลผลิตให้ทานปีละครั้ง ทำให้มีราคาแพง มีรสชาติหวานอร่อยกว่าเห็ดอื่นๆ ปรุงง่ายเพียงต้มกับเกลือก็ได้น้ำต้มเห็ดรสหวานตามธรรมชาติ นอกจากนำไปต้มกับน้ำเกลือแล้วเราอาจนำเห็ดโคนไปประกอบอาหารที่หลากหลาย
นอกจากนี้ยังมี สรรพคุณช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้บิด แก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ อีกทั้ง การทดลองทางเภสัชศาสตร์พบว่าน้ำที่สกัดจากเห็ดโคนสามารถยับยั้งเชื้อโรคบางชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์ได้ จึงเป็นที่นิยมกันมาก
มาดูขั้นต้อนการเพาะเห็ดโคนจากจุลินทรีย์จาวปลวก โดยดัดแลงจุลินทรีย์ให้เทียบเคียงกับจอมปลวกนั่นเอง ซึ่งวิธีนี้ทำให้เพาะเห็ดโคนได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย
ก่อนอื่นต้องหาจอมปลวก เพื่อนำจาวปลวกมาทำน้ำจุลินทรีย์ โดยใช้เสียมหรือจอบขุดเบาๆ ไม่ต้องลึกมาก จะเจอจาวปลวกอยู่จำนวนมาก เก็บมาแค่เล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องทำลายจอมปลวกทั้งหมด
การทำน้ำจุลินทรีย์ปลวก นำจาวปลวกเล็กน้อยประมาณหนึ่งกำมือ ต่อ ข้าวสุก 1 กิโลกรัม หรือ (จาวปลวก 1 กิโลกรัม ต่อข้าวเหนียวนึ่งหรือข้าวสุก 1 กิโลกรัม) นำมาคลุกเคล้าผสมให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปอีก 20 ลิตร หมักไว้ในถังปิดฝาให้สนิท วางในที่ร่มทิ้งไว้ 7 วัน จนเกิดฝ้าขาวขึ้นมาเต็ม จึงนำไปใช้ได้
จากนั้นนำน้ำจุลินทรีย์จาวปลวกที่ได้คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปราดที่จอมปลวก และคลุมด้วยฟางข้าวหรือใบไม้ รดน้ำพอชื้น ประมาณ 10 วัน ก็จะมีเห็ดโคนขึ้นมา ก็สามารถนำไปประกอบอาหารที่เป็นเห็ดโคนธรรมชาติไร้สารเคมี
ไม่เพียงแค่นั้น น้ำจุลินทรีย์จาวปลวก ยังสามารถนำมารด พืชผัก ผลไม้ บางคนเอาไปรดบนโคนตันไม้ ก็เกิดเห็ดโคนขึ้นมาได้เหมือนกัน ใช้ในอัตราส่วนประมาณ 1 ลิตร ต่อน้ำ 10 ลิตรใช้ฉีดพ่นเพื่อย่อยสลายเศษวัชพืช (หมักทำปุ๋ยหมัก) หรือย่อยสลายตอซังข้าวก่อนทำการไถประมาณ 7 วัน หลังจากนั้นไถกลบ และ หากจะนำไปรดโคนต้นเพื่อบำรุงพืชผลอื่นๆก็ได้เช่นกัน ในอัตราส่วนข้างต้น ไม่ตายตัวสามารถปรับได้ตามความเหมาะสมกับการใช้งาน
ที่มา: เพจเกษตรกรก้าวหน้า , kasetporpeang