นายสุพจน์ สัญญพิสิทธิ์กุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS แจ้งผลการดำเนินงานปี 2564 ว่า ในปี 2564 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีขาดทุนสุทธิจำนวน 1,501 ล้านบาท ขาดทุนลดลงร้อยละ 52 เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 3,134 ล้านบาท โดย EBITDA ในปี 2564 อยู่ที่ 13,648 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,481 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับ EBITDA ปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 12,167 ล้านบาท
ขณะที่รายได้รวมบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมจากการดำเนินงานในปี 2564 อยู่ที่ 20,371 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,141 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยรายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากส่วนงานให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและอินเทอร์เน็ตทีวี จำนวน 18,033 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 446 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปีก่อน
เนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการ 3BB ที่เพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2564 มีจำนวนผู้ใช้บริการรวม 3.65 ล้านราย ส่วนธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมานั้น ในปี 2564 รับรู้รายได้จากธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ จำนวนประมาณ 9.6 เหรียญบิทคอยน์ คิดเป็นเงิน 16.5 ล้านบาท
ส่วนเป้าหมายและแผนธุรกิจปี 2565 นั้น ในปีที่ผ่านมาบริษัทจัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ได้ทำการศึกษาและทดลองการขุดบิตคอยน์ หาแหล่งเงินทุน ทำสัญญากับ Bitmain ที่เป็นเจ้าหลักในการผลิตเครื่องขุดบิทคอยน์ และขอความสนับสนุนเรื่องการใช้ไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเดินหน้าเต็มกำลังในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์ รวมถึงการหาธุรกิจต่อยอดในเรื่อง crypto business ส่วนธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป หลายบริษัทฯมีการทำงานลักษณะ WFH อย่างจริงจัง อีกทั้ง lifestyle ในชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดการ consume bandwidth เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันบางบ้านมีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นบริษัทจึงได้จัดแพ็กเกจที่หลากหลายพร้อมบริการเสริมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงใจมากที่สุด นอกจากนี้ การให้บริการที่ความเร็วมากกว่า 1000 Mbps นั้นคาดว่าจะพร้อมให้บริการในไตรมาสที่ 2/2565 ด้านการให้บริการลูกค้าองค์กร บริษัทจะเน้นการหาพันธมิตรและนำเสนอ solution โดยตั้งเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนลูกค้าองค์กรจากเดิมไม่ต่ำกว่า 2 เท่า ในขณะที่ธุรกิจ IPTV (3BB GIGA TV) คาดว่าจะมียอดผู้ใช้บริการ จำนวน 2 ล้านรายภายในปี 2566
………………………………….