อุทาหรณ์กู้นอกระบบ ป้าวัย 56 ปี ร้องตำรวจ ถูกนายทุนเงินกู้หลอกโอนที่ดินสมบัติชิ้นสุดท้าย แถมถูกฟ้องไล่ที่ เผยดอกสุดโหดร้อยละ 20 ต่อเดือน กู้ 5 หมื่น ต้องจ่ายดอกเดือนละ 1 หมื่นบาท
วันนี้ (2 ม.ค.62) นางสุนีย์ กุมนา อายุ 56 ปี ชาว อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียน ที่ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ขอให้ตำรวจช่วยเหลือ หลังไปกู้ยืมเงินนอกระบบ เสียดอกเบี้ยร้อยละ 20 แต่สุดท้ายถูกหลอกให้โอนที่ดิน อ้างนำไปจำนองกับธนาคารใช้หนี้ แต่นายทุนกลับนำที่ดินไปขายทำให้ถูกฟ้องขับไล่ออกจากที่ดิน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ไว้ พร้อมหาทางช่วยเหลือตามขั้นตอนของกฎหมาย ขณะเดียวกันในส่วนของคดีที่ถูกฟ้องขับไล่ที่ จะช่วยเหลือไกล่เกลี่ย รวมทั้งติดต่อทนายความเพื่อช่วยเหลือเรื่องคดีไปก่อน
นางสุนีย์ เล่าว่า ตนเองมีอาชีพค้าขาย ส่วนสามีมีอาชีพรับจ้างทั่วไป เมื่อปี 2554 ประสบปัญหาทางการเงิน จึงได้ไปกู้ยืมเงินนอกระบบจากนายทุนเงินกู้ในหมู่บ้านรายหนึ่ง ครั้งแรกกู้เงินมา 4 หมื่นบาท นายทุนคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อ 50 วัน โดยครั้งแรกถูกหักดอกเบี้ยไป 8,000 บาท เหลือรับเงินกู้เพียง 32,000 บาท ช่วงแรกก็ผ่อนชำระมาอย่างต่อเนื่องและได้กู้เงินออกมาอีกจำนวน 3 ครั้ง
ต่อมาในปี 2556 ได้ไปกู้ยืมเงินอีกจำนวน 50,000 บาท ครั้งนี้นายทุนเงินเงินกู้ คิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 แต่ให้จ่ายคืนดอกเบี้ยเป็นรายเดือน เดือนละ 1 หมื่นบาท ซึ่งได้ผ่อนชำระเงินกู้ไป 10 เดือน รวมเป็นเงินกว่า 100,000 บาท กระทั่งปี 2557 เริ่มประสบปัญหาทางการเงิน จึงขาดชำระค่าดอกเบี้ยประมาณ 3 – 4 เดือน
นายทุนรายนี้จึงเข้ามาเจรจาให้นำโฉนดที่ดิน ไปจำนองกับธนาคารเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ และให้ไปผ่อนชำระเงินกับทางธนาคารแทน แต่มีเงื่อนไขต้องโอนโฉนดที่ดินให้เป็นชื่อของนายทุนก่อน โดยนายทุนจะนำโฉนดที่ดินอีกแปลงไปจำนองพร้อมกัน เนื่องจากที่ดินของตนเองมีราคาประเมินต่ำกว่ามูลหนี้ที่ค้างชำระอยู่ กว่า 400,000 บาท
นายสุนีย์ กล่าวว่า รู้จักนายทุนรายนี้มานาน ทำให้ไว้ใจ จึงไปโอนโฉนดที่ดินเนื้อที่ 48 ตารางวา ในพื้นที่ ต.สันป่าเปา อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ให้เป็นชื่อของนายทุนรายนี้ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2557 จากนั้นนายทุนรายนี้ก็อ้างว่าได้นำโฉนดที่ดินไปจำนองกับธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.สันกำแพง พร้อมแจ้งให้ตนเองผ่อนชำระเงินเข้าบัญชีธนาคาร ในชื่อของนายทุนรายนี้เดือนละ 6,900 บาท เป็นเวลา 8 ปี ก็จะหมดหนี้และได้ที่ดินกลับคืน ซึ่งตนก็ผ่อนชำระมา เริ่มผ่อนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557
ต่อมาในปี 2560 ก็ประสบปัญหาทางการเงินอีก จึงไม่สามารถผ่อนชำระเงินกู้ตามที่ตกลงไว้ได้เป็นเวลา 3 -4 เดือน และมาทราบภายหลังว่านายทุนรายนี้ได้นำโฉนดที่ดินไปขายต่อให้กับบุคคลอื่นเป็นเงิน 4 แสนบาท จนเจ้าของที่คนใหม่ได้ยื่นฟ้องศาลเพื่อขับไล่ตนเองและครอบครัวออกจากที่ดิน พร้อมเรียกค่าเสียหายในการขาดประโยชน์เป็นเงินเดือนละ 3,000 บาท นับตั้งแต่วันฟ้อง โดยศาลได้นัดหมายให้ไปไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้
นางสุนีย์ บอกว่า ตนและครอบครัวไม่มีที่ไป เพราะที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดเป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย ก่อนหน้านี้ได้เข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสันทราย และเข้าแจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรสันทราย เพื่อดำเนินคดีกับนายทุนรายนี้ไว้แล้ว เพื่อเชื่อว่าถูกหลอกให้โอนที่ดิน โดยตั้งแต่เริ่มกู้ยืมเงิน ได้ผ่อนชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยไปแล้วกว่า 1 ล้านบาท
“เวลานี้ครอบครัวเดือนร้อนหนักเพราะกำลังจะสูญเสียบ้านและที่ดินซึ่งเป็นมรดกตกทอด ที่ผ่านมาไม่รู้เรื่องกฏหมายและสัญญาเงินกู้ จึงทำให้พลาดถูกหลอกจนต้องสูญเสียทรัพย์สิน จึงหวังพึ่งหน่วยงานรัฐให้ช่วยเหลือ”