กรมป่าไม้ ทิดสมปอง ที่ดิน ส.ป.ก. พื้นที่ป่าสงวน

ศรีสุวรรณ ร้องกรมป่าไม้!! ตรวจสอบที่ดิน ‘ทิดสมปอง’

'ศรีสุวรรณ จรรยา' ยื่นหนงสือถึงกรมป่าไม้ ให้ตรวจสอบและเอาผิด 'ทิดสมปอง' กรณี กว้านซื้อที่ดินกว่า 300 ไร่ บริเวณรอยต่อเขต ส.ป.ก. ใน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ

Home / NEWS / ศรีสุวรรณ ร้องกรมป่าไม้!! ตรวจสอบที่ดิน ‘ทิดสมปอง’

ประเด็นน่าสนใจ

  • ’ศรีสุวรรณ จรรยา’ ยื่นหนงสือถึงกรมป่าไม้ ให้ตรวจสอบและเอาผิด ‘ทิดสมปอง’ กรณี กว้านซื้อที่ดินกว่า 300 ไร่ บริเวณรอยต่อเขต ส.ป.ก. ใน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
  • เบื้องต้นโดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้พบที่ดิน จำนวน 6 แปลง จากทั้งหมด 11 แปลง เนื้อที่กว่าสองร้อยไร่ มีทั้งที่ดินที่เป็นการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ที่เป็นเป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน
  • อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม หากพบกระทำผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท
  • กรณีกระทำผิด เกิน 25 ไร่ขึ้นไป ก็ต้องมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-2,000,000 บาท

นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ และนายสมบูรณ์ ธีรบัณฑิตกุล ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า รับหนังสือร้องเรียนจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขอให้กรมป่าไม้ตรวจสอบและเอาผิดนายสมปอง นครไธสง หรืออดีตพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ที่ระบุว่ามีการกว้านซื้อที่ดินกว่า 300 ไร่ บริเวณรอยต่อเขต ส.ป.ก. ใน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ

ทั้งนี้ อธิบดีกรมป่าไม้ ได้รับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว โดยให้ข้อมูลในเบื้องต้นว่า ได้มอบหมายให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 ( นครราชสีมา) และศูนย์ประสานงานป่าไม้ชัยภูมิ ทำการตรวจสอบที่ดินและข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูซำผักหนาม อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ซึ่งสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรเคยประกาศเป็นเขต ส.ป.ก. แต่สภาพไม่เหมาะกับการทำเกษตรกรรม จึงส่งมอบพื้นที่คืนให้กรมป่าไม้ ในปี 2539

จากการลงสำรวจในเบื้องต้นโดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้พบที่ดิน จำนวน 6 แปลง จากทั้งหมด 11 แปลง เนื้อที่กว่าสองร้อยไร่ มีทั้งที่ดินที่เป็นการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ที่เป็นเป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)

ทั้งนี้ หากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม พบว่า เป็นการกระทำผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 14 ที่ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน หรือกระทำด้วยประการใดอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยผู้กระทำความผิดจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท แต่ถ้ามีการกระทำผิดเกิน 25 ไร่ขึ้นไป ก็ต้องมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสองล้านบาท โดยกรมป่าไม้จะได้เร่งดำเนินการตรวจสอบในประเด็นดังกล่าวต่อไป

ที่มา : กรมป่าไม้