บ่อยครั้งที่รูปแบบการทำธุรกิจของคนรุ่นใหม่ในยุค Gen Y มักถูกมองว่าฉาบฉวยและใจเร็วด่วนได้ในการหารายได้มากเกินไป แต่สำหรับ เพลง-กวิตา รอดเกิด นางเอกสาวสวยคมจากช่อง 7 ลูกไม้ใต้ต้นของนักแสดงอาวุโส คุณอ้อย-กาญจนา จินดาวัฒน์ มิได้เป็นเช่นนั้น
เพราะแม้เธอจะตัดสินใจเข้าสู่สนามธุรกิจออนไลน์ วัยเพียง 26 ปีโดยอาศัย “อินสตราแกรม” เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้า แต่ด้วยดีกรีมหาบัณฑิตด้านการตลาด จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ผนวกกับการประเมินความเป็นไปได้ทางธุรกิจจากศักยภาพของแบรนด์เป็นหลัก ทำให้สาวเพลงมีแนวคิดในการทำธุรกิจที่รอบคอบ ค่อยเป็นค่อยไปในการก่อร่างสร้างแบรนด์อย่างเป็นระบบ
กระทั่ง แบรนด์รองเท้า “MIA” (เมีย) ทำยอดขายได้อย่างน่าพอใจ มีลู่ทางการเติบโตของธุรกิจที่สดใสรออยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม หลังจากเปิดตัวแบรนด์มาได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น
และวันนี้ เพลง–กวิตา รอดเกิด ก็ได้สละเวลาให้ ทีมงาน MThai News ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เจาะลึกถึงแนวความคิดในการทำธุรกิจของเธอ จะน่าสนใจอย่างไรติดตามกันได้เลยค่ะ
ก้าวแรกของ Co-Founder แบรนด์ MIA
จากจุดเริ่มต้นของการอยากมีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง เพลง–กวิตา และเพื่อนอีกสองคน จึงเริ่มมองหาลู่ทางในการทำธุรกิจจากสิ่งที่ชอบ จากการจุดประกายของหนึ่งในหุ้นส่วนที่เป็นคนแต่งตัวเก่ง จึงมาลงตัวที่ธุรกิจแฟชั่น โดยเลือกทำธุรกิจรองเท้า แทนการเปิดแบรนด์เสื้อผ้าซึ่งมีอยู่ล้นตลาดแล้ว
พร้อมตั้งเป้าหลักไมล์แรกในการคิกออฟธุรกิจว่า เน้นทำแบบยังไม่ต้องลงทุนเยอะ เพื่อเป็นการตรวจสอบทั้งความต้องการของตลาดพร้อมๆ กับประลองฝีมือในการบริหารแบรนด์คู่ขนานกันไปด้วย
กระทั่งแบรนด์ MIA : My Independent Affairs แบรนด์รองเท้าผู้หญิงดีไซน์เรียบง่าย แต่แฝงความเก๋และเท่ด้วยสีรองเท้าที่โดดเด่น การเลือกใช้วัสดุหนังวัวแท้คุณภาพดี เน้นสวมใส่สบาย ราคาสมเหตุสมผล จึงได้ฤกษ์เปิดตัวร้านสู่โลกออนไลน์ ภายใต้ชื่อ IG : mia_ Bangkok เมื่อช่วงกลางปี 2014
“เราออกแบบและจ้างผลิตเอง ทุกขั้นตอนเราทำกันเองหมดสามคน การบริหารงานจะแบ่งหน้าที่กัน มีคนหนึ่งดูเรื่องการผลิตไปเลย ไว้คุยกับผู้ผลิต อีกคนจะดูเรื่องดีไซน์เป็นหลักและพวกมีเดียต่างๆ เพลงดูแลในส่วนของการประชาสัมพันธ์และดูแลเรื่องเงิน”
“คอลเลคชั่นแรก ร้านที่เป็นซัพพลายเออร์ช่วยออกแบบด้วย แต่คอลเลคชั่นที่สองและสาม เราออกแบบกันเองหมดเลย ดีไซน์ของรองเท้า เราหาแบบดูจากอินเตอร์เน็ต หาดูว่ามีสไตล์ไหนใกล้เคียงกับแบบที่พวกเราชอบ ที่พวกเราก็ใส่ ไม่อยากได้รองเท้าแนวตลาดมากเกินไปที่ดูซ้ำกับคนอื่น เราเลยลองหาดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร เก๋ๆ หน่อย ใส่กับเสื้อผ้าเรียบๆ แล้วดูเหมือนคนที่แต่งตัวได้ มีขนาดรองเท้าให้เลือกตั้งแต่ไซซ์ 35-39”
ก้าวช้าๆ แต่มั่นคง
เมื่อตัดสินใจเลือกช่องทางในการทำธุรกิจผ่านทางอินสตราแกรมเป็นหลัก เพลง–กวิตา บอกว่า กลยุทธ์ในการโปรโมทนั้น เน้นใช้ตัวเองเป็นนางแบบหลัก รวมถึงหุ้นส่วนและเพื่อนๆเท่านั้น โดยมีการไปออกบูธตามงานอยู่บ้าง คัดสรรเฉพาะงานที่ได้รับความสนใจจริงๆ ซึ่งปรากฎว่า แบรนด์ MIA ได้รับผลตอบรับดีมาก รองเท้าคอลเลคชั่นแรก ขายได้เกือบหมดในเวลาไม่นาน
กลุ่มลูกค้าของลูกค้าหลักๆจะเป็นสาวๆ วัย20-30 ต้นๆ เป็นผู้หญิงที่ชอบแต่งตัว มีความทะมัดทะแมง เน้นความคล่องตัว ไปจนกระทั่งถึงรุ่นคุณป้า กระทั่งแบรนด์เป็นที่รู้จักได้จากการบอกปากต่อปากจึงได้มีการวางแผนธุรกิจอย่างเป็นระบบในการทำคอลเลคชั่นที่สอง
เพลง–กวิตา เล่าให้ทีมงาน MThai News ฟังต่อว่า ตนเองและหุ้นส่วนได้ผสมผสานทั้งศาสตร์ความรู้ด้านการตลาดที่ได้ร่ำเรียนมา พร้อมทั้งวิเคราะห์เรื่องการทำ Branding หาจุดอ่อนจุดแข็งของแบรนด์ โดยเน้นทำทุกอย่างภายใต้ระบบคอมฟอร์ท โซน ประเมินศักยภาพการผลิตของแบรนด์ ไม่เน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด แม้แบรนด์จะได้รับโอกาสดีๆมากมายเข้ามาจากหลายช่องทางทั้งในและต่างประเทศ
“เราทำงานกันเป็นทีม แบบค่อยเป็นค่อยไป เน้นความสบายใจเป็นหลัก เน้นว่าทำแล้วเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ ไม่ใช่ว่า ไปแสวงหากำไรจนลืมความเป็นเพื่อน โกรธกัน”
“พวกเราจะช่วยกัน ฟังฟีดแบ็คจากคนรอบข้างเยอะๆ ค่อยๆปรับ บางคนบอกว่า ใส่ดี ใส่สบาย คนบอกว่า ไม่รู้จะใส่อย่างไร เพราะแมทช์การแต่งตัวไม่เป็น ซึ่งตรงนี้ถือว่า โอเคแล้วนะ เพราะเราเน้นการใส่สบายเป็นหลักอยู่แล้ว มีเพียงเรื่องดีไซน์ที่ยังทำให้คนไม่กล้าซื้อ เพราะมองอาจจะกังวลว่าจะแต่งตัวยังไงให้เข้ากับรองเท้าสีฟ้า ซึ่งเราก็แต่งตัวลงรูปในอินสตราแกรมให้ลูกค้าดูเลยว่า รองเท้าแบบนี้มันแมทช์กับลุคอะไร ถึงจะแต่งตัวเรียบๆ มันก็ใส่ได้นะ”
“หนึ่งปีที่ผ่านมา แบรนด์MIA ได้รับโอกาส ได้รับความสนใจเป็นที่น่าพอใจ แต่ยังไม่ถึงกับประสบความสำเร็จ เพราะยังไม่มีพร้อมเรื่องการผลิต ที่ผ่านมา มีคนชวนไปเปิดร้าน มีคนมาติดต่อขอไปขายในเว็บ และยังมีบล็อกเกอร์ต่างประเทศเข้ามาสั่งสิ้นค้า แต่ต้องปฏิเสธโอกาสเหล่านี้ไป เพราะเรายังไม่พร้อม”
“ถ้าจะผลิตเยอะๆ เราก็ต้องชัวร์ก่อนว่าเราจะไม่ขาดทุน จะต้องมีการวางแผนการผลิต การจำหน่าย กำหนดยอดขายแต่ละที่ให้ชัดเจน จะได้ไม่ขาดทุนในภายหลัง ตอนนี้จึงต้องค่อยๆ เริ่มไปทีละขั้นตอน อย่างต้องเป็นระบบ”
ก้าวที่เติบโตของ MY Independent Affairs
สำหรับเป้าหมายต่อไปของแบรนด์ MIA นั้น เพลง–กวิตา บอกกับทีมงาน MThai News ว่า ในอนาคต อยากทำให้ธุรกิจมีระบบมากขึ้น อยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง อยากต่อยอดในเรื่องของการส่งออกด้วย อาจไม่ได้หยุดอยู่แค่รองเท้าอยากเพิ่มไลน์อื่นๆ ของแบรนด์ เป็นแบรนด์ที่มีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋าและเครื่องประดับ เป็นแบรนด์แฟชั่นที่ใครแต่งตัวแล้วคิดไม่ออก มาดูแบรนด์ของเราได้ เรามี styling ให้
“จริงๆแล้วชื่อแบรนด์ว่า MIA ย่อมาจาก My Independent Affairs เราคิดว่ามันตอบโจทย์ได้ เพราะสามารถสื่อได้ถึงความชอบ ความพอใจ อิสระที่จะแต่งตัวยังไงก็ได้ แต่เราต้องการขายในราคาที่คนซื้อได้ เสื้ออาจขายที่ราคา 900 บาท แต่คุณภาพดี จึงขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถควบคุมคุณภาพและราคาในการผลิตได้ตามที่ตั้งใจไว้หรือไม่ ถ้าเราทำตรงนี้ยังไม่ได้ ก็อาจจะทำแต่รองเท้าไปก่อน ค่อยๆ ทำตามแผนไป”
ก้าวย่างที่น่าภาคภูมิใจ
ในฐานะเจ้าของกิจการที่ผ่านบททดสอบแรกในการทำธุรกิจมาได้แบบไม่เจ็บตัว เนื่องด้วยแบรนด์ MIA สามารถคืนทุนในการดำเนินธุรกิหลังเปิดตัวแบรนด์ได้เพียงสี่เดือนเท่านั้น ทว่า เพลง–กวิตา ยังออกตัวว่า เด็กรุ่นใหม่ๆ ที่ทำธุรกิจสมัยนี้เก่งกันมาก แบรนด์ของตนยังต้องพยายามศึกษารูปแบบโมเดลธุรกิจของคนที่ประสบความสำเร็จอยู่เสมอ
“แบรนด์ MIA ยึดหลักในการทำธุรกิจโดยเน้นเรื่องคุณภาพ และเรื่องจรรยาบรรณในการขายเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าการค้าขายในโลกออนไลน์ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจของคู่ค้าเป็นสำคัญ
เพลง–กวิตา ยังได้ย้ำกับทีมงาน MThai News ว่า เชื่อในพลังของการบอกต่อ หากคนทำธุรกิจเป็นคนขายของที่มีจรรยาบรรณและมีคุณภาพ ทำให้ดีที่สุดในส่วนของเรา กำไรหรือลูกค้าก็จะตามมาเอง โดยแทบไม่ต้องพึ่งพาการโฆษณาใดๆ ด้วยซ้ำ
“ถ้าจะให้แนะนำจากประสบการณ์ที่มี ก็อยากจะแนะนำว่า ให้ทำทุกๆอย่างแบบ ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า ช้าแต่ชัวร์ ถ้าเราอยู่ในวัยนี้ เราถือว่าเราทำธุรกิจเป็นอาชีพเสริม เป็นการเรียนไปด้วย เพราะเมื่อเราโตขึ้น เราอาจมีธุรกิจที่ใหญ่กว่านี้ แต่ทุกอย่างเราก็ต้องเริ่มต้นจากเล็กๆ ทั้งนั้น อยากแนะนำว่า ถ้าจะทำ อย่าทำสนุกๆ ตามแฟชั่น ให้ทำจริงๆ แล้วเราจะได้อะไรอีกเยอะ เป็นความภูมิใจของเราด้วย” เพลง–กวิตา กล่าวทิ้งท้าย
ทีมงาน MThai News ต้องขอขอบคุณ เพลง-กวิตา รอดเกิด ที่ได้ให้สัมภาษณ์ และปรบมือดังๆกับแนวความคิดการทำธุรกิจที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่กำลังมองหาโอกาสทำธุรกิจเป็นของตนเอง
พิชชาญาภรณ์ จิตต์นุพงศ์ : รายงาน
ธเนตร พุทธิตระกูล : ภาพ
ติดตามข่าวเศรษฐกิจอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com/economy
