อุตุฯ คาดความรุนแรง ‘พายุปาบึก’ เทียบเท่า ‘แฮเรียต’ ที่ถล่มตะลุมพุก ปี 2505

สำหรับ พายุโซนร้อนปาบึก ที่ก่อตัวอยู่แถวๆ ทะเลจีนใต้ ขณะนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศชัดเจนแล้วว่า พายุปาบึก จะส่งผลกระทบกับภาคใต้ของไทย ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศไทยช่วงวันที่ 4 มกราคมนี้…

Home / NEWS / อุตุฯ คาดความรุนแรง ‘พายุปาบึก’ เทียบเท่า ‘แฮเรียต’ ที่ถล่มตะลุมพุก ปี 2505

สำหรับ พายุโซนร้อนปาบึก ที่ก่อตัวอยู่แถวๆ ทะเลจีนใต้ ขณะนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศชัดเจนแล้วว่า พายุปาบึก จะส่งผลกระทบกับภาคใต้ของไทย ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศไทยช่วงวันที่ 4 มกราคมนี้ โดยคาดการณ์ว่า เมื่อพายุลูกนี้เคลื่อนขึ้นฝั่ง อาจส่งผลกระทบรุนแรงเทียบเท่ากับพายุแฮเรียต เมื่อปี 2505

ทั้งนี้ นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์จากแผนที่ทางอากาศ จะเห็นว่า พายุปาบึก ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน มีความเร็วลมใกล้จุดศูนย์กลางถึง 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะนี้ยังคงเคลื่อนตัวอยู่แถวๆ ทะเลจีนใต้ ซึ่งทิศทางการเคลื่อนตัวจะเคลื่อนมาทางด้านทิศตะวันตก หรือทางฝั่งประเทศไทย ซึ่งการคาดการณ์หลังจากนี้ภาคใต้แถวจังหวัดชุมพร สุราษธานี นครศรีธรรมราช และโดยรอบจะเริ่มมีฝนตกหนักแล้ว

โดยเฉพาะช่วงวันที่ 4 มกราคม ที่มวลอากาศเย็นเริ่มอ่อนลง พายุลูกนี้ยังมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นอีก ซึ่งแม้กำลังลมจะไม่เทียบเท่าพายุแฮเรียต ที่ถล่มแหลมตะลุมพุกเมื่อปี 2505 แต่ในแง่ผลกระทบ อาจเทียบเท่าพายุแฮเรียตได้

สำหรับพายุที่เคลื่อนผ่านประเทศไทย อาจมีไม่บ่อยนักที่รุนแรงถึงขั้นพายุโซนร้อน ซึ่งพายุในแต่ละแบบมีความแตกต่างกัน แบบแรก แสดงลักษณะอากาศ สัญลักษณ์รูปตัว L เป็นเพียงหย่อมความกดอากาศต่ำหรือหย่อมฝน ยังไม่ใช่พายุ แต่หากปัจจัยอื่นๆ เหมาะสมเช่น อุณหภูมิน้ำทะเล หย่อมความกดอากาศต่ำนี้มันจะทวีความรุนแรงขึ้น เป็นพายุดีเปรสชั่น

สัญลักษรูปตัว D พายุดีเปรสชั่น ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง จะอยู่ที่ไม่ถึง 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หากทวีความรุนแรงขึ้นอีก ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางเกิน 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไปจนถึง ไม่เกิน 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะถูกยกระดับให้เป็นพายุโซนร้อน และเริ่มมีการตั้งชื่อเกิดขึ้น เหมือนพายุปาบึกที่มีชื่อแล้ว

แต่สำหรับพายุโซนร้อนปาบึกนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ยังไม่ถึงขั้นรุนแรงถึงพายุไต้ฝุ่น แต่ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นนอกจากเรื่องฝนแล้ว ยังมีเรื่องคลื่นลมในทะเลที่อาจสูงถึง 5 เมตร ซึ่งขณะนี้กรมอุตุฯ ได้ประกาศห้ามเรือทุกลำออกทะเลแล้ว ยกเว้นเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ซึ่งขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยด้วย