คนละครึ่ง คนละครึ่ง เฟส 4 เยียวยาโควิด

‘คนละครึ่ง เฟส 4’ เปิดลงทะเบียน 14 ก.พ. – เริ่มใช้จ่าย 21 ก.พ.65

คนละครึ่ง เฟส 4 เปิดลงทะเบียนวันที่ 14 ก.พ. 65 และเริ่มใช้จ่ายได้ในวันที่ 21 ก.พ. 65

Home / NEWS / ‘คนละครึ่ง เฟส 4’ เปิดลงทะเบียน 14 ก.พ. – เริ่มใช้จ่าย 21 ก.พ.65

ประเด็นน่าสนใจ

  • คนละครึ่ง เฟส 4 เปิดลงทะเบียนวันที่ 14 ก.พ. 65 และเริ่มใช้จ่ายได้ในวันที่ 21 ก.พ. 65
  • วงเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จะนำมาจาก พ.ร.ก.เงินกู้ฉุกเฉิน 5 แสนล้านบาท
  • คนละครึ่งเฟส 4 นี้ ครอบคลุมกลุ่มคนที่มีแอปเป๋าตังค์และผู้ที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการใหม่

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งเฟส 4 หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 เห็นชอบโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและกระตุ้นกำลังซื้อประชาชน

ล่าสุด กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ได้นำเสนอเรื่องดังกล่าว ให้แก่คณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดการดำเนินโครงการ เช่น จำนวนสิทธิที่จะเข้าร่วมโครงการ วันแรกที่จะเปิดรับลงทะเบียนซึ่งเบื้องต้นจะสามารถเปิดลงทะเบียนวันที่ 14 ก.พ. 65 และเริ่มใช้จ่ายได้ในวันที่ 21 ก.พ. 65

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเงื่อนไข และรายละเอียดว่าจะได้รับตัววงเงินสิทธิ์เท่าใดนั้น ต้องให้คณะกรรมการกลั่นกรองเคาะอนุมัติวงเงินก่อน จากนั้นก็จะจัดทำแนวทางแล้วนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงสามารถเปิดลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 4 ให้กับพี่น้องประชาชนได้ต่อไป

ทั้งนี้ วงเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จะนำมาจาก พ.ร.ก.เงินกู้ฉุกเฉิน 5 แสนล้านบาท ที่ถูกจัดไว้เพื่อใช้ในการดูแลเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และก่อนหน้านี้ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ยังมียอดใช้จ่ายไม่เต็มจำนวน โดยเหลือวงเงินที่ส่งคืนรัฐอีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

“ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งเฟส 4 นี้ ครอบคลุมกลุ่มคนที่มีแอปเป๋าตังค์และผู้ที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการใหม่ รวมทั้งโครงการอื่นที่ดูแลกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษควบคู่ไปพร้อมกัน โดยจะมีส่วนในการลดภาระของประชาชน ช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว