ประเด็นน่าสนใจ
- ”เอสเธอร์” แจ้งความ ศปอส. ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแอปฯ Spell ว่าจ้างเป็นพรีเซนเตอร์
- หลังมีประชาชนตกเป็นเหยื่อกระทำผิดของบริษัทฯ ซึ่งเป็นแอปฯายสินค้าราคาถูก แต่ต้องหาหาสมาชิกมาลงทุนเพิ่ม
- โดยแอปฯดังกล่าว ระบุว่าผู้ที่ลงทุน จะได้เงินต้นดังกล่าวคืนพร้อมปันผล 10-20% เมื่อครบกำหนดเวลาที่ระบบกำหนด
วันนี้ (7 ม.ค.65) ที่ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ (PCT) น.ส.เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา หรือ “เอสเธอร์ “ นักแสดงสาวพร้อมทนายนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ที่ 1 โดยมีนายภูภูมิ พงศ์ภาณุภาคหรือ “ เคน ภูภูมิ “ นักแสดงชาย เดินทางมาให้กำลังใจ
ทั้งนี้ น.ส.เอสเธอร์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แอปพลิเคชัน Spell โดยเซ็นสัญญาเป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่เดือน ก.ค.64 โดยแจ้งว่าว่าเป็นแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ แต่ก่อนจะรับงานได้มีการตรวจสอบว่าบริษัทตั้งอยู่ที่ไหน ใบรับรองบริษัททุกอย่างน่าเชื่อถือ การทำงานทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ
ต่อมาได้มีผู้เสียหายหลายคนร้องเรียนผ่านมายังทางแม่ของตัวเองว่าแอปพลิเคชัน Spell ถูกปิดบัญชีไม่สามารถถอนเงินได้ เหมือนจะไม่ปกติจึงติดต่อไปยังผู้ประสานงานตัวเองมาแต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย จึงร่างสัญญาบอกเลิกเป็นพรีเซ็นเตอร์วันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมาและได้แจ้งไปยังผู้ติดตามตัวเองและเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตรวจสอบให้ด้วย
“รู้สึกไม่สบายใจและเครียดมาก มีหลายคนที่เสียหายจากการที่ไม่รู้และเราไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ จากหน้ามือเป็นหลังมือคาดการไม่ได้จริงๆและเราเช็คไม่ไม่ถี่ถ้วนมากพอถึงแม้จะมีการเข้มงวดในการรับงานแล้วแต่ยังเป็นไปในอีกทาง อยากเตือนพี่ๆในวงการถ้ามีงานที่ติดต่อมาไม่ชัวร์จริงๆสามารถเช็คข้อมูลกับตำรวจก่อนได้ ถือเป็นบทเรียนที่ใหญ่มากๆ รู้สึกแย่กับการกระทำของตัวเองที่ไม่เช็คข้อมูลให้ถี่ถ้วนมากพอไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง” น.ส.เอสเธอร์ กล่าว
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า การดำเนินการหลังจากนี้คือรับคำร้องทุกข์คดีนี้ไว้ก่อน นำรายละเอียดของดาราสาวมาดูในเรื่องของการเปิดบริษัท การเข้าสู่แอปพลิเคชัน เว็ปไซต์ในส่วนที่เกี่ยวข้องมีใครเกี่ยวข้องบ้าง ธุรกรรมการเงินการโอนเข้า-ออกเป็นอย่างไร ส่วนความเสียหายในคดีนี้ยังไม่สามาถระบุได้เนื่องจากน้องเอสเธอร์ มาแจ้งความครั้งแรก ก่อนหน้านี้ในลักษณะแบบนี้มีคนเข้ามาแจ้งความบ้างแล้วแต่ยังไม่เยอะความเสียหายต่อคนหลักหมื่น
แต่เชื่อว่ามีผู้เสียหายมากกว่านี้และความเสียหายน่าจะเป็นหลักล้านแต่ต้องขอเวลาตำรวจทำงานสืบสวนสวนขยายผลก่อน ส่วนพฤติการณ์มองงว่าอาจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ แต่ขอดูในรายละเอียดก่อนว่าการดำเนินการจะเข้าข้อกฎหมายตัวไหนบ้าง และต้องดำเนินการปิดแอปพลิเคชั่นดังกล่าว ส่วนจะผิดข้อหาไหนต้องไปสอบสวนดูว่าผิดข้อหาใดบ้าง ว่าเป็นต่างกรรมต่างวาระแต่ละคนไป ฝากไปยังกลุ่มที่ลงทุนแอปพลิเคชัน Spell ให้มาพบตำรวจเพื่อเป็นประโยชน์ในการสืบสวน เจ้าหน้าที่จะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปขยายผลต่อไป
อย่างไรก็ตามแอปพลิเคชัน Spell ซึ่งมีการทำงานผ่านเว็บไซด์ www.firshop.com คือ แอปพลิเคชันขายสินค้าที่มีราคาขายต่ำกว่าท้องตลาดถึง 30-80% แต่มีข้อกำหนดให้ผู้ซื้อสินค้าหาสมาชิกที่ต้องการลงทุน ซึ่งเรียกว่าการหั่นราคา สมัครและโอนเงินลงทุนเข้าสู่ระบบ โดยอ้างว่าสมาชิกที่ลงเงินหั่นราคา เท่าราคาสินค้าของผู้ซื้อ คือ ผู้ลงทุน และจะได้เงินต้นดังกล่าวคืนพร้อมปันผล 10-20% เมื่อครบกำหนดเวลาที่ระบบกำหนด
ซึ่งในระยะแรกมีการดำเนินการและแบ่งปันผลได้จริงเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ซึ่งวิธีการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ดังกล่าว เป็นเพียงการสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติมให้เหยื่อหลงเชื่อ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นอุบายในการชักชวนให้หาสมาชิกเพิ่มเพื่อให้มีจำนวนเงินเข้าระบบมากขึ้น จากนั้นจะนำเงินจากสมาชิกลูกข่าย มาจ่ายปันผลให้กับสมาชิกต้นทาง ซึ่งไม่ได้เกิดจากการประกอบการธุรกิจที่มีผลกำไรอยู่จริง ซึ่งมีรูปแบบแผนคล้ายกับระบบแชร์ลูกโซ่
ภาพ : วิชาญ โพธิ
