ประเด็นน่าสนใจ
- ล่าสุด – ผลการตรวจหาเชื้อซ้ำพบว่า ไม่พบเชื้อ หลังจากที่รายงานผลครั้งแรกผลไม่ชัดเจน จึงมีการตรวจซ้ำอีกครั้ง
- กักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องไว้ก่อน เนื่องจากเป็นเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน จึงต้องยกระดับมาตรการไว้ก่อน
- วานนี้พบเชื้อโอไมครอนในนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกา 1 ราย และมีผู้เสี่ยงสูง 17 ราย
- จากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 มีผลเป็นลบ 16 ราย และมีผลเป็นบวก 1 ราย เป็นเจ้าหน้าที่โรงแรม
- ต้องรอผลการตรวจเชื้อว่าเป็นโอไมครอนหรือไม่ประมาณ 3-4 วัน
อัปเดตล่าสุด – 14.30 น.
จากกรณีรายงานพบผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในไทย ผลตรวจ RT-PCR ซ้ำในครั้งล่าสุดออกมาแล้ว เป็น Not Detected (ตรวจไม่เจอเชื้อ) เนื่องจากในผลตรวจครั้งแรก RT-PCR ครั้งแรกได้ผลไม่ชัดเจน (Inconclusive)
ซึ่งในเคสผู้ต้องสงสัยติดเชื้อรายนี้ ยังอยู่ในระหว่างการกักตัว และจะมีตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้งในวันที่ 13 ของการกักตัว เพื่อยืนยันอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเป็นเคสผู้สัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 ในสายพันธุ์โอมิครอน ก็จะยังคงมีการติดตามอย่างใกล้ชิดต่อในตลอดระยะเวลาการกักตัว 14 วัน
ซึ่งจากไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายนี้พบว่า มีพบกับผู้ป่วยโควิด-19 ในสายพันธุ์โอมิครอน รายแรกในไทยในวันที่ 1 ธ.ค. โดยตลอดเวลาที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย จะมีการป้องกันสวมหน้ากากโดยตลอด แม้จะเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ แต่เนื่องจากด้วยเป็นสายพันธุ์โอมิครอน จึงยังคงต้องกักตัวต่อจนครบ เพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง
ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดกับเคสผู้ต้องสงสัยรายนี้ มี 5 คนด้วยกัน เป็นบุคคลในครอบครัว ก็ได้มีการติดตามสอบสวนโรคต่อเนื่อง และได้มีการคุมไว้สังเกตอาการเพิ่ม รวมถึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อด้วย
ซึ่งตามปรกติแล้ว เคสของผู้สัมผัสใกล้ชิดในวง 2 ที่จะไม่ได้มีการตรวจหาเชื้อ หรือกักตัวแต่อย่างใด แต่เนื่องจากเคสนี้ถือเป็นเคสผู้ป่วยโควิด-19 ในสายพันธุ์โอมิครอน จึงจำเป็นต้องมีการยกระดับการเฝ้าระวังเพิ่มเติม
[เกี่ยวกับผลตรวจ] สำหรับการตรวจ RT-PCR แล้วได้ผลเป็น Inconclusive นะครับ มีความเป็นไปได้หลายทาง เนื่องจากผลที่ได้ไม่ชัดเจน / กำกวม หรือสรุปไม่ได้ เกิดจาก
- ปริมาณเชื้อที่เก็บได้น้อยมาก (เพิ่งติดใหม่ / กำลังจะหาย)
- เจอผลบวกแค่ยีนเดียว สรุปผลไม่ได้
ทางเลือกคือ ตรวจซ้ำ โดยในเคสนี้ ค่า Ct. เกิน 36 ทั้งสองยีน จึงมีความเป็นไปได้ที่ว่า ปริมาณเชื้อที่พบน้อยมาก ๆ จึงมีการตรวจซ้ำ และได้ผลเป็น Not detected = ไม่พบเชื้อ
ดังนั้นรอผลรอบวันที่ 13 ของการกักตัวอีกครั้งหนึ่ง เพื่อยืนยัน
…
วันนี้ 7 ธันวาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีตรวจพบเชื้อโอไมครอนในนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกา 1 ราย และมีผู้เสี่ยงสูง 17 ราย ว่า สถานการณ์ล่าสุดยังเป็นข้อมูลเดิม คือพบผู้ติดเชื้อเพียง 1 ราย ต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง
โดยจากการสอบสวนโรคมีผู้เสี่ยงสูงทั้งหมด 17 ราย และจากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 มีผลเป็นลบ 16 ราย และมีผลเป็นบวก 1 ราย ซึ่ง 1 รายที่มีผลเป็นบวกเป็นเจ้าหน้าที่โรงแรม ที่เป็นผู้ส่งอาหารให้นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯคนดังกล่าว โดยได้มีการดำเนินการสอบสวนโรคกับเจ้าหน้าที่โรงแรมรายนี้แล้ว พร้อมกับนำผลบวกนั้นไปตรวจสอบว่าเป็นเชื้อโอไมครอนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ได้ให้เจ้าหน้าที่โรงแรมรายดังกล่าวเข้ารักษาตัวที่สถาบันบําราศนราดูรแล้ว ทั้งนี้ ในส่วนการสอบสวนโรคจะต้องแยกเป็น 2 ประเด็นคือ ดูว่าเขาติดเชื้อโควิดจากการเดินทางกลับต่างจังหวัด ที่ จ.อุบลราชธานีหรือไม่ หรือติดเชื้อโควิดมาจากนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐฯ โดยต้องรอผลการตรวจเชื้อว่าเป็นโอไมครอนหรือไม่ประมาณ 3-4 วัน
นายสาธิต กล่าวว่า การเดินทางเข้าประเทศไทยยังคงต้องให้เข้มมาตรการป้องกัน แต่อย่างไรก็ตาม การพบโรคโควิด-19 กับการพบเชื้อกลายพันธุ์นั้นถือเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะโรคระบาดเราไม่สามารถปิดกั้นได้ ซึ่งขณะนี้ตามข้อมูลยังไม่พบว่าเชื้อโอมิครอนมีอาการรุนแรง และตามมาตรการของสาธารณสุขไทย หากผู้ติดเชื้อมีอาการไม่รุนแรง 80% เราสามารถใช้วิธี โฮมไอโซลูชั่นได้ เราเชื่อว่าศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทยดูแลได้
เมื่อถามถึงกรณีที่นายสาธิตเคยระบุว่าหากพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศไทย จะรีบรายงานนายกรัฐมนตรีทันที นายกฯได้เรียกประชุมเพื่อตัดสินใจอย่างไรหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า นายกฯรับทราบข้อมูลแล้ว และทางกระทรวงสาธารณสุขจะได้ประสานเป็นระยะว่าจะประเมินสถานการณ์และต้องตัดสินใจอย่างไร ขณะนี้เรายังต้องเดินหน้าระบบคัดกรองอย่างเข้มงวด ส่วนนายกฯยังไม่ได้เรียกประชุม เพื่อประเมินสถานการณ์โอมิครอนแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า สถานการณ์โอไมครอนขณะนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขยังไม่จำเป็นต้องเสนอมาตรการเกมถึงขั้นต้องล็อคบางส่วน เพื่อป้องกันเรื่องการท่องเที่ยวใช่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ขณะนี้ยัง