ประเด็นน่าสนใจ
- ลูกสาวทะเลจะนะ ทวงคำสัญญา! “บิ๊กตู่” ขอยกเลิกโครงการนิคมจะนะ เผยกระทบวิถีชีวิตคนพื้นที่
- ยืนยันจะมาฟังคำตอบหน้าทำเนียบทุกวัน เริ่ม 29 พ.ย. นี้
- ระบุ จะครบ 1 ปีแล้ว แต่บริษัทยังเดินหน้าโครงการอยู่ ย้ำ “นิคมอุตสาหกรรมไม่ใช่อนาคตของพวกหนู”
วันนี้ ( 25 พ.ย.64 ) ที่ บริเวณประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก น.ส.ไครียะห์ ระหมันยะ หรือ “ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ” อายุ 19 ปี เดินทางมาทวงถามความคืบหน้ากรณีเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นได้มีการชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกโครงการเมืองต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 10-15 ธันวาคม 2563 ซึ่งได้มีการทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ไว้กับรัฐบาล จากนั้นได้อ่านจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมีใจความ ดังนี้
สวัดดีค่ะ…ลุงตู่ หนูชื่อไครียะห์ ระหมันยะ บ้านอยู่สวนกง อำเภอจะนะ บ้านหนูอยู่ติดทะเล จึงไม่ต้องสงสัยว่าชีวิตหนูกับทะเลมีความผูกพันกันอย่างไร หนูจึงรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งเมื่อมีใครเรียกหนูว่า “ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ”
ลุงคงไม่รู้จักหนู และคงไม่รู้ว่า หนูเป็นลูกหลานขาวประมงพื้นบ้าน พวกเราอยู่กันได้เพราะมีฐานทรัพยากรที่อุดมด้วยเครื่องมือประมงที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเลือกจับเฉพาะสัตว์น้ำที่โตได้ขนาด โดยใช้ภูมิปัญญาน้ำที่จับได้ถ้วนเป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภคทั้งในจังหวัดสงขลาและยังส่งขายทั่วไปถึงต่างประเทศ รายได้หลักที่ทำให้พวกเราอยู่กันมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็คือทะเล ทะเลจะนะจึงเป็นสิ่งมีค่าที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้ ที่พวกเราไม่เคยคิดเนรคุณ
หนูอยากจะบอกลุงด้วยว่า อำเภอจะนะบ้านของหนู มีฐานทรัพยากรหลากหลาย ที่ไม่ใช่แค่ทะเลเท่านั้น ถัดจากชายฝั่งออกไป เป็นผื่นแผ่นดินที่พวกเราสามารถเพาะปลูกพันธุ์พืชได้หลายชนิด ทั้งแตงโมจะนะ นาข้าวพันธุ์พื้นถิ่น หรือข้าวลูกปลาที่สงขลารู้จักกันดี และยังมีสวนผลไม้อื่น ๆ ตามฤดูกาล นอกจากนั้นแล้ว อำเภอจะนะยังขึ้นชื่อเรื่องแหล่งเพาะเลี้ยงนกเขาชวาเสียงและเป็นที่ยอมรับของประเทศเพื่อนบ้านแถบนี้ ทั้งยังเป็นอำเภอที่มีการทำกรงนกเขาส่งออกไปทั่วประเทศ สร้างรายได้ให้กับคนจะนะเป็นกอบเป็นกำ
หนูภาคภูมิใจที่มีชีวิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ชายฝั่งทะเลจะนะ ซึ่งมีหาดทรายที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดในประเทศนี้ มีแหล่งเพาะปลูก มีฐานทรัพยากรที่เกื้อหนุนพวกเราอย่างไม่หมดสิ้น และที่สำคัญพวกเรายังอยู่ในสภาพอากาศที่บริสุทธิ์ปลอดภัย แบบที่ไม่ต้องซื้อหา
ลุงจำมั้ยว่า เมื่อปีที่แล้วญาติพี่น้องของหนู มาอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลแห่งนี้ เพื่อบอกกับลุงว่า บริษัทเอกชนใหญ่แห่งหนึ่งกำลัง เข้ามาสร้างนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้ที่ดินกว่า 16,000 กว่าไร่ ตรงบ้าน ตรงที่ทำกิน และที่เพาะปลูกของพวกหนูทั้ง 3 ตำบล บ้านของพวกหนูจะถูกแทนที่ด้วยโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก บริษัทเอกชนแห่งนั้นบอกว่า “จะนำพาความเจริญมาให้ และอ้างว่าจะทำให้พวกเราทุกคนมีงานทำ มีอนาคต และมีรายได้จากนิคมอุตสาหกรรมที่เขาเป็นเจ้าของ
ซึ่งเราไม่เคยเชื่อว่านั่นคืออนาคตของเรา หากแต่เป็นอนาคตของพวกเขามากกว่า “ เราจึงบอกลุงในครั้งนั้นว่า “เราไม่ต้องการการพัฒนาแบบนั้น” ซึ่งไมได้ หมายความว่าเราไม่ต้องการการพัฒนา แต่การพัฒนานั้นจะต้องสอดคล้องกับฐานทรัพยากรที่เรามีอยู่
ในวันนั้นลุงรับปากว่าจะดูแลเรื่องนี้พร้อมกับจะส่งคนมาตรวจสอบ จนถึงวันนี้กำลังจะครบรอบ 1 ปี คำสัญญาของลุงเลื่อนลอยกลางสายลม บริษัทยังเดินหน้าโครงการไม่เคยหยุด หนูจึงมาทวงถามคำสัญญาต่อเรื่องนี้กับลุงอีกครั้ง และยังยืนยันคำเดิมว่า “นิคมอุตสาหกรรมไม่ใช่อนาคตของพวกหนู”
แต่มันจะทำให้ชีวิตพวกเราล่มสลายในอนาคตอันใกล้นี้มากกว่า เพราะสุดท้ายแล้วพวกหนูก็คือเหยื่อของการพัฒนา ที่ต้องเสียสละบ้าน ทะเล และที่ทำกินให้กับคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น หนูขอประกาศว่า วันที่ 29 พฤศจิกายน นี้หนูจะมารอฟังคำตอบจากลุงตู่ทุกวัน ในเวลาเลิกงานช่วง 16.00 น.ไปจนกว่าจะได้คำตอบจากลุง ต่อข้อเรียกร้องที่พวกเราเคยเสนอไปเมื่อปีที่แล้วไครียะห์ ระหมันยะ ” ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ “
อย่างไรก็ตามในเวลา ต่อมานายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ออกมารับหนังสือ และได้ชี้แจงว่านายกรัฐมนตรีได้รับทราบ และมีบัญชาให้ศอ.บต.ปฏิบัติตามมติ ครม.ที่เกี่ยวข้อง
ภาพ : วิชาญ โพธิ