คดีอดีตผู้กำกับโจ้ คลุมถุงดำ ทำร้ายผู้ต้องหา

ผบช.ก. เผย สำนวนคดีอดีตผู้กำกับโจ้ เสร็จแล้ว-รัดกุม

ผบช.ก และชุดสืบสวนฯ ประชุมหารือความคืบหน้าในการส่งสำนวนคดีอดีต ผกก.โจ้ และพวก ตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยทารุณ และทุกข์ทรมาน ซึ่งโทษสูงสุดคือประหารชีวิต

Home / NEWS / ผบช.ก. เผย สำนวนคดีอดีตผู้กำกับโจ้ เสร็จแล้ว-รัดกุม

ประเด็นน่าสนใจ

  • ผบช.ก และชุดสืบสวนฯ ประชุมหารือความคืบหน้าในการส่งสำนวนคดีอดีต ผกก.โจ้ และพวก
  • ตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยทารุณ และทุกข์ทรมาน ซึ่งโทษสูงสุดคือประหารชีวิต
  • ยืนยันมีความรอบคอบรัดกุม โดยไม่มีแรงกดดันจากฝ่ายใด

วันนี้ ( 3 พ.ย.64) พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และชุดสืบสวนสอบสวนของกองบังคับการปราบปราม ที่รับผิดชอบในการทำคดีของพันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ และพวก ประชุมหารือความคืบหน้าในการส่งสำนวนคดีดังกล่าว

พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

โดยภายหลังการหารือนานเกือบ 1 ชั่วโมง ก็เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ขณะนี้การทำสำนวนของพนักงานสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาจนเสียชีวิตเสร็จสิ้นครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยเป็นการตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยทารุณ และทุกข์ทรมาน ซึ่งโทษสูงสุดคือประหารชีวิต โดยพนักงานสอบสวนจะนำสำนวนไปมอบให้กับทางอัยการ เพื่อมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องอดีตผู้กำกับโจ้ และพวก ยืนยันว่าการทำสำนวนดังกล่าวมีความรอบคอบรัดกุม โดยไม่มีแรงกดดันจากฝ่ายใด เป็นการดำเนินการประหนึ่งว่าผู้กำกับโจ้เป็นผู้ต้องหาคนหนึ่ง เท่าเทียมกับผู้ต้องหารายอื่น ๆ ไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับไว้

กรณีที่พนักงานสอบสวนในการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในคดีเกี่ยวข้องกับการทุจริตตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. ให้อดีตผู้กำกับโจ้รับทราบภายในเรือนจำ ปรากฎว่า ผู้กำกับโจ้ไม่ให้ความร่วมมือ โดยในครั้งแรกอดีตผู้กำกับโจ้ร้องขอทนายเข้ารับฟังในการแจ้งข้อกล่าวหาด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนก็อนุญาต และเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งที่ 2 พร้อมกับมีทนายความของผู้ต้องหาด้วย

ซึ่งรอบนี้อดีตผู้กำกับโจ้แสดงท่าทีไม่พอใจ ไม่ยอมรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม วางสายโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องเยี่ยมญาติของกรมราชทัณฑ์ และเดินออกจากห้องไปทันที จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้ทำหนังสือแจ้งข้อกล่าวหามอบให้กับทางกรมราชทัณฑ์นำไปให้ผู้กำกับโจ้รับทราบภายในเรือนจำโดยมีการถ่ายภาพพยานหลักฐานขณะผู้กำกับโจ้รับทราบเอกสารดังกล่าวแล้ว และได้ปรึกษากับอัยการในคดีดังกล่าวว่าขั้นตอนกระบวนการถูกต้องหรือไม่

ทั้งนี้ได้รับคำตอบว่าเป็นไปตามขั้นตอนวิธีพิจารณาความอาญา และการแจ้งข้อกล่าวหาครบถ้วนแล้ว จึงเชื่อว่า คดีดังกล่าวจะไม่มีปัญหาในชั้นศาล อีกทั้งพนักงานสอบสวนยังพยานหลักฐานต่างๆ ที่ตำรวจมีพยานหลักฐานที่แน่นหนาเพียงพอในทุกด้าน แม้ว่าเจ้าตัวจะกลับคำให้การในชั้นศาลอีกครั้งหนึ่งก็ตาม ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้เป็นหน้าที่ของอัยการในการพิจารณาสำนวนและมีความเห็นว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้กำกับโจ้ และพวก

ส่วนคดีรถหรู และทรัพย์สินส่วนตัวของอดีตผู้กำกับโจ้ ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนพบว่าการจับกุมรถหรูของอดีตผู้กำกับโจ้รวมถึงทรัพย์สินส่วนตัว และรถหรูที่อยู่ในความครอบครองได้มาโดยมิชอบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในคดี ซึ่งต้องรอเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, กรมศุลกากร, กรมสรรพากร, และหน่วยงานต่างๆในต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานอีกสักระยะหนึ่ง แต่เชื่อว่าจะทันกำหนดตามกฎหมายแน่นอน

ภาพ : ธนโชติ ธนวิกรานต์