ชาวสวนสู้ชีวิต! ปลูกผักเศรษฐกิจพอเพียง รายได้งาม

ชาวสวนจังหวัดอ่างทองสู้ชีวิต ปลูกผักตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง นำไปขายในท้องตลาด ทำรายได้งาม วันนี้(5 ม.ค. 59) MThai News จะพาไปรู้จักกับครอบครัว นายยอดรัก ยาทะยะ ชาวสวนในจังหวัดอ่างทอง ผันตัวมาจากอาชีพชาวนาหันมาเช่าพื้นที่นาจำนวน 24…

Home / NEWS / ชาวสวนสู้ชีวิต! ปลูกผักเศรษฐกิจพอเพียง รายได้งาม

ชาวสวนจังหวัดอ่างทองสู้ชีวิต ปลูกผักตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง นำไปขายในท้องตลาด ทำรายได้งาม

วันนี้(5 ม.ค. 59) MThai News จะพาไปรู้จักกับครอบครัว นายยอดรัก ยาทะยะ ชาวสวนในจังหวัดอ่างทอง ผันตัวมาจากอาชีพชาวนาหันมาเช่าพื้นที่นาจำนวน 24 ไร่ ลงทุนปลูกผักครบวงจร แบบเศรษฐกิจพอเพียงหมุนเวียนสับเปลี่ยนกัน นำผักไปส่งขายในตลาด สร้างรายได้อย่างงาม ตกวันละ 700-800 บาท ขึ้นอยู่กับราคาผัก และผลผลิต สามารถเลี้ยงครอบครัวและส่งลูกเรียนหนังสือจนจบ จากหยาดเหงื่อแรงงานของ 2 สามีภรรยา

นายยอดรัก ยาทะยะ เปิดเผยว่า ตน และภรรยาได้เช่าที่จำนวน 24 ไร่ พลิกพื้นดินมาทำสวนแบบเศรษฐกิจพอเพียง หลังทำนาขาดทุน จนเป็นหนี้มาตลอด โดยลงทุนเรียนรู้ และลองผิดลองถูกล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้ง กระทั่งได้ทำการปลูกผักหลายอย่างในพื้นที่สวนของตน ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 5 ตำบลตลาดกรวด อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง

ทั้งนี้ ได้ลงมือปลูกผักหลายชนิด อาทิ มะระ พริก มะเขือ แตงกวา มะเขือเทศ รวมถึงได้ทยอยปลูกในพื้นที่สลับปรับเปลี่ยนกันไป ทำให้มีผลผลิตสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวทุกวัน 700-800 บาท แล้วแต่ราคาผักในท้องตลาด และผลผลิตที่เก็บส่งท้องตลาด หลังจากเก็บผลผลิตแล้ว ได้ทำการบรรจุก่อนออกไปส่งตลาด ทำให้มีรายได้ทุกวัน

ด้านการปลูกผักในสวนนั้น ใช้ระบบน้ำหยด เมื่อเกิดภาวะภัยแล้งจะใช้น้ำจากบ่อบาดาล ซึ่งขุดไว้สูบมาขังในร่องสวนแล้วใช้ปั๊มน้ำสูบต่อส่งสู่ท่อน้ำหยด ทำให้ลดการใช้น้ำ และมีผลผลิตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังไม่มียาฆ่าแมลง แต่หันมาใช้น้ำหมักชีวภาพที่เรียนรู้จากประสบการณ์ผิดถูกมาตลอดชีวิต จนผลิตออกมาใช้กับพืชในสวนตนเอง ซึ่งใช้ได้ดี และเป็นการลดต้นทุนรายจ่ายไปอีกมาก

นอกจากนี้ ยังใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการจับแมลงวันทอง โดยใช้ขวดน้ำพลาสติกเจาะทางเข้าทั้ง 2 ด้านแล้วนำน้ำใส่ไว้ในขวด พร้อมแขวนไว้ในแปลงผัก เป็นการปราบแมลงแบบไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงเลย ที่สำคัญยังได้ทำการปลูกผักในพื้นที่เช่า จำนวน 24 ไร่ โดยทำกันเองในครอบครัว  ไม่มีการจ้างคนช่วย จะใช้การทยอยปลูกสลับผลัดเปลี่ยนกันไปให้ครบวงจร เพื่อให้มีรายได้มาใช้จ่ายภายในครอบครัวได้ทุกวัน

สุดท้ายสิ่งที่ภาคภูมิใจสุดๆ คือได้ส่งลูกเรียนจนจบปริญญาตรี และทำงานแล้ว 2 คน คนโตจบทางด้านสาธารณสุขทำงาน ลูกคนกลางเรียนจบทางวิศวกร ส่วนอีก 1 คนเล็ก กำลังศึกษาอยู่การบินพาณิชย์ เหลืออีก 2 ปีก็เรียนจบแล้ว ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นใจของชาวสวนธรรมดาคนหนึ่ง

 

MThai News