ชาวนาอ่างทองเจอวิกฤต ‘ภัยแล้ง’ เลิกปลูกข้าวหันปลูกพริกขี้หนูหอมสุพรรณ สร้างรายได้หลักหมื่นต่อเดือน
จากการที่ชลประทานอ่างทอง ได้ประกาศงดส่งน้ำให้กับชาวอ่างทองเนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้ง ส่งผลให้น้ำที่ใช้ในการเพาะปลูก มีไม่เพียงพอต่อการทำนา ดังนั้น ชาวนาต่างต้องดิ้นรนหาแหล่งน้ำมาเลี้ยงต้นข้าวจนทำให้ต้นทุนการทำนาเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับราคาข้าวเปลือกตกต่ำขายได้เพียงเกวียน 1,000 กิโลกรัมละ 5,000-6,000 บาทเท่านั้น จนต้องงดการทำนาไป
นายวีร์รวุทธ์ ปุตระเศรณี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง กล่าวเปิดเผยว่า จังหวัดอ่างทองได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง เช่นเดียวกับทุกจังหวัดในลุ่มน้ำภาคกลาง โดยในส่วนของจังหวัดอ่างทองได้รับน้ำเขื่อนเจ้าพระยา วันละ 15 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยในส่วนชลประทานของจังหวัดอ่างทอง ได้รับน้ำแค่ 12 ลบ.ม.ต่อวินาที สามารถนำมาใช้เป็นน้ำกินน้ำใช้เท่านั้น และการรักษาสภาพนิเวศ ทำให้การทำนาของจังหวัดอ่างทองไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน
แต่ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังสำรวจผลกระทบจากนาข้าวที่ยังมีอยู่ถึง 117,000 กว่าไร่ โดยเดือนนี้สามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณแสนกว่าไร่ ส่วนที่เหลือจะมีปัญหาอีกหมื่นกว่าไร่ที่จะเกี่ยวในเดือนก.พ. จะไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยง ขณะนี้จังหวัดกำลังหาแหล่งน้ำจากบ่อทรายมาช่วยอยู่ และจังหวัดอ่างทองคงต้องดูแลพืชที่ใช้น้ำน้อย พืชสวนด้วย
ด้าน นายชนะ เชิดชู อายุ 72 ปี ชาวนาใน ต.สาวร้องไห้ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง หลังจากที่ประสบปัญหาภัยแล้ง จนไม่สามารถทำการเพาะปลูกข้าวได้ ตนเองจึงได้ไถกลบที่นาจำนวน 12 ไร่ และหันมาปลูกพริกขี้หนู พันธุ์หอมสุพรรณ ส่งขายตลาดในราคากิโลกรัมละ 50 บาท และสามารถเก็บขายได้วันละ 200 กิโลกรัม โดยสามารถหมุนเวียนเก็บพริกได้ทุกวัน สามารถสร้างรายได้ถึงวันละหมื่นบาท ซ้ำยังลงทุนเพียงครั้งเดียว ก็สามารถเก็บขายได้ตลอด
นายชนะ กล่าวต่อว่า ตนเปลี่ยนอาชีพจาการทำนามาปลูกพริกขายทำให้มีรายได้ดีมาก โดยมีรายได้เป็นแสนบาท ซึ่งพริกสามารถเก็บได้หลายรุ่น ทั้งนี้ การทำนาข้าวมีการลงทุนสูงมาก แถมราคาข้าวเปลือกก็ไม่ดี นำข้าวเปลือกไปขายก็ได้ไม่เท่าไร จึงหันมาปลูกพริกเพราะใช้น้ำน้อย ลงทุนก็น้อยกว่า แถมสามารถใช้แรงงานในครัวเรือนได้ เป็นการลดต้นทุนการผลิตไปด้วย
ขอบคุณภาพ/ข้อมูล ข่าวสด
MThai News
