บิ๊กโจ๊กแถลงกรณีสาวซาอุขอเดินทางไปประเทศที่3
เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 7 ม.ค.2562 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. แถลงข่าวการดำเนินการกับนักท่องเที่ยวสาวชาวซาอุดิอาระเบียที่ต้องการเดินทางไปประเทศที่ 3 ซึ่งสื่อมวลชนและประชาชนให้ความสนใจ ณ ห้อง ศปก.บก.ตม.2 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น4 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. กล่าวว่าจากกรณีที่ น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด เอ็ม อัลคูนัน อายุ18 ปี สัญชาติ ซาอุดิอาระเบีย เดินทางมาไทยโดยเที่ยวบิน KU 413 เนื่องจาก ทางสถานทูตซาอุดิอาระเบีย ได้ประสานมายังตอนไทย ว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวได้หนีการดูแลจากผู้ปกครองและเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงอยากให้ทางตม.ไทยช่วยดูไว้ ซึ่งภายหลังจากนั้น ทางตม.สนามบินรับทราบ ประกอบกับ เมื่อเด็กหญิงคนดังกล่าว ได้มายื่นขอวีซ่า เพื่อเข้าไทยต่อตม.สนามบิน แต่ไม่แสดงตัวเครื่องบินกลับ และไม่มีการวางแผนเดินทางหรือที่พักในไทย ทางตม.สนามบินจึงต้องปฏิเสธการเข้าเมือง ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลทั่วโลก เนื่องจากถือว่าเป็นบุคคลต้องห้าม
จากนั้นจึงให้ทางสายการบิน เป็นผู้ดูแลต่อ ทั้งเรื่องที่พักและอาหาร จนกว่าจะได้ตั๋วเครื่องบิน บินกลับไปยังประเทศต้นทาง ส่วนเรื่องของการถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือถูกยึดพาสปอร์ตนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตม.สนามบินไม่ได้ทำการยึดแต่เก็บไว้ ให้จนกว่า เด็กหญิงคนดังกล่าวจะมีตั๋วเดินทางกลับ ซึ่งเมื่อสายการบินคูเวตแอร์ไลน์ได้ทำการซื้อตั๋วเครื่องบิน ให้เดินทางกลับเมื่อเช้าที่ผ่านมานั้นทางตม.สนามบิน ก็ได้คืนพาสปอร์ตให้กับหญิงสาวคนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งการดำเนินการหลังจากนี้นอกจากเราจะใช้หลักกฎหมายแล้วเราจะต้องใช้หลักสิทธิมนุษยชนด้วย โดยเบื้องต้น ทางเด็กหญิงคนดังกล่าวระบุว่าที่ไม่ต้องการกลับไปยังประเทศตนเองเนื่องจากเกรงว่าจะถูกทำร้าย เลยประสงค์จะเดินทางต่อไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งหลังจากนี้ ทางผมและเจ้าหน้าที่จาก UNHCR จะเดินทางเข้าพูดคุยกับเด็กหญิงคนดังกล่าว เพื่อสอบถามว่าจะขอลี้ภัยและเดินทางต่อไปในประเทศที่ 3 ตามที่ต้องการ หรือเดินทางกลับประเทศ