ประเด็นน่าสนใจ
- กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ เผย วันที่ 7-10 ต.ค.64 ปริมาณน้ำจะไหลหลากรวมกันผ่าน อ.บางไทร ส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น 30-50 เซนติเมตร เนื่องจากช่วงดังกล่าวเกิดสภาวะน้ำทะเลหนุนสูง
- พื้นที่ที่ควรเฝ้าระวัง ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร / ปทุมธานี / นนทบุรี (ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา)
- แนะติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เสริมคันกั้นน้ำบริเวณจุดเสี่ยงที่มีระดับคันป้องกันน้ำต่ำ และบริเวณที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ
วันนี้ (5 ต.ค.64) กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ออกประกาศ ฉบับที่ 19/2564 เรื่อง เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ระบุว่า จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 23-25 ก.ย.2564 บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างประกอบกับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และหนักมากบางแห่ง ทำให้มีปริมาณน้ำท่าจากลุ่มน้ำปิง วัง ยม และน่าน ไหลลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยามากขึ้น ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ติดตามสถานการณ์น้ำแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักพบว่าเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2564 ปริมาณน้ำหลากจากตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,775-2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเมื่อวันที่ 2 ต.ค.2564 ปริมาณน้ำหลากสูงสุดจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ได้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหกสูงสุดในอัตรา 762 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
คาดว่าในวันที่ 5 ต.ค.2564 ปริมาณน้ำจะไหลหลากรวมกันผ่าน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ในเกณฑ์สูงสุด 3,050-3,150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะไหลออกสู่อ่าวไทย ในช่วงวันที่ 7-10 ต.ค.2564 ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าว เกิดสภาวะน้ำทะเลหนุนสูง คาดว่าจะส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 30-50 เซนติเมตร
โดยพื้นที่ที่ควรเฝ้าระวัง ประกอบด้วย
- 1.จ.ปทุมธานี และ จ.นนทบุรี บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกแนวคันกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
- 2.กรุงเทพมหานคร บริเวณพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบให้ระดับน้ำล้นคันป้องกันน้ำริมแม่น้ำของกรุงเทพมหานคร ยกเว้นบริเวณที่ไม่มีระบบคันป้องกันริมแม่น้ำ
ในการนี้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
- 1.ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันน้ำริมแม่น้ำ เสริมคันกั้นน้ำบริเวณจุดเสี่ยงที่มีระดับคันป้องกันน้ำต่ำ และบริเวณที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ
- 2.ประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำทราบล่วงหน้า
- 3.เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อบูรณาการความพร้อม ในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที