เปิดใจเจ้าของร้านสุดเกรียน ‘กะเพราแล้วแต่’ ลุ้นแทบแย่จะได้กินในภาชนะใด?

เปิดใจเจ้าของร้านสุดเกรียน “แล้วแต่ กะเพราแท้ ระดับโลก.. เฮ้ย” ร้านไอเดียแหวกแนว ให้ลูกค้าลุ้นจะได้กินในภาชนะใด? จากกรณีที่โลกออนไลน์ มีการแชร์ร้านอาหาร ‘กะเพรา แล้วแต่’ โชว์ไอเดียล้ำสุดแหวกแนว ลูกค้าต้องมานั่งลุ้นว่าได้รับประทานอาหารในภาชนะใด ทำให้ร้านดังกล่าวเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง ยอดไลค์ ยอดแชร์ ถล่มทลายในโซเชียลนั้น…

Home / NEWS / เปิดใจเจ้าของร้านสุดเกรียน ‘กะเพราแล้วแต่’ ลุ้นแทบแย่จะได้กินในภาชนะใด?

เปิดใจเจ้าของร้านสุดเกรียน “แล้วแต่ กะเพราแท้ ระดับโลก.. เฮ้ย” ร้านไอเดียแหวกแนว ให้ลูกค้าลุ้นจะได้กินในภาชนะใด?

จากกรณีที่โลกออนไลน์ มีการแชร์ร้านอาหาร ‘กะเพรา แล้วแต่’ โชว์ไอเดียล้ำสุดแหวกแนว ลูกค้าต้องมานั่งลุ้นว่าได้รับประทานอาหารในภาชนะใด ทำให้ร้านดังกล่าวเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง ยอดไลค์ ยอดแชร์ ถล่มทลายในโซเชียลนั้น

ไม่รอช้า! ทีมงาน MThai News ได้มีโอกาสแวะไปเยือนร้านอาหารที่ชาวเน็ตต่างอยากลองมาสัมผัสแล้ว โดยร้านนี้ตั้งอยู่ที่หลังมหาวิทยาลัยขอนแก่น บอกได้เลยว่าเริ่ดสมคำร่ำลือจริงๆ เพราะตั้งแต่ย่างเข้าไปในร้านบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความคึกคักของลูกค้า ทั้งนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น และชาวบ้านบ้านโนนม่วง นอกจากนี้ พ่อค้ายังแซ่บ ชอบฝอย(เม้าท์มอย) กับลูกค้าอย่างเป็นกันเอ๊งกันเองอีกด้วย ที่จะไม่ให้พูดถึงไม่ได้คือภาชนะสุดแปลก ทำให้ลูกค้าอารมณ์ขัน แม้ไม่ได้ภาชนะนั้น แต่ก็อดที่จะขำไม่ได้เมื่อเห็นภาชนะของโต๊ะข้างๆ นี่แหละจุดเด่นของร้านที่ใครหลายๆ คนทึ่งในไอเดีย

คุณอาร์มมี่ จักรพล ศรีตระกูล และ คุณมู๋ นพรัตน์ อุณาภาค เจ้าของร้าน

‘คุณอาร์มมี่ จักรพล ศรีตระกูล’ และ ‘คุณมู๋ นพรัตน์ อุณาภาค’ สองหนุ่มวัย 28 ปี เพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยม จับมือร่วมกันเปิดร้านที่คนละแวกนี้เรียกว่ากะเพราแล้วแต่ มาได้สองปีแล้ว ซึ่งชื่อเต็มๆ ของร้านคือ “แล้วแต่ กะเพราแท้ ระดับโลก.. เฮ้ย” ยอมใจเลย จริงๆ แค่ชื่อร้านก็ไอเดียล้ำกินขาด

“ร้านนี้เกิดจากการรวมตัว ของเพื่อนนักศึกษาและเพื่อนในวงดนตรี ชื่อ the clock ที่เล่นตามเวทีคอนเสิร์ตต่างๆ และตามร้านอาหารทั่วไป เนื่องจากคนในวงและกลุ่มเพื่อนทำอาหารอร่อย โดยเฉพาะเมนูข้าวผัดกะเพรา เลยตัดสินใจเปิดร้านอาหารตามสั่ง ขายเฉพาะข้าวผัดกะเพราเท่านั้น จนได้ลูกค้ามาจำนวนหนึ่ง”

คุณอาร์มมี่ และ คุณมู๋ เผยที่มาของภาชนะสุดแปลก โดนใจวัยรุ่น วัยเกรียน ว่า “เริ่มแรกร้านเราใช้ภาชนะใส่ชาม ไม่ใส่จานเหมือนร้านอาหารปกติ เพราะเจ้าของร้านชอบทานใส่ชาม ส่วนจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของจานแปลกคือการกวนของเพื่อนที่มาอุดหนุน เพื่อนขออาหารแบบจัดหนักไม่เหมือนคนอื่น ผมก็เลยเอาอาหารใส่จานข้าวหมา ซึ่งเราซื้อมาใส่อาหารกินเองเป็นจานใหม่ คิดอะไรได้ตอนนั้นก็จัดให้เลย ด้วยความอยากกวนกลับ แต่กลายเป็นความชอบ และถูกขอมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นจุดเด่นของร้าน”

เชื่อว่าหลายคนที่เคยแวะเวียนไปในเพจของทางร้าน อาจจะสงสัยในสโลแกน “ห้องน้ำสกปรก..ที่จอดรถหายาก wifi ไม่มี พริกน้ำปลาไม่ให้” สโลแกนสุดกวนนี้ ได้จากการคิดกันเองเล่นๆ เพื่อนมานั่งกินเช็ค อินแล้วคิดเเคปชั่นไม่ออก เจ้าของร้านจึงคิดให้ กลับกลายเป็นสโลแกนประจำร้านที่สุดกวนกว่าร้านไหนๆ

โดยราคาของอาหารทางร้านนั้น ข้าวกะเพราปกติ ราคา 39 บาท พิเศษ 44 บาท เพิ่มไข่ 7 บาท ส่วนไข่ออนเซน 10 บาท และไข่ข้น 20 บาท หากลูกค้าต้องการ มากกว่านั้นก็แล้วแต่ สั่งได้ตามใจคนจ่าย สถิติมากสุดรับประทานคนเดียวสั่งราคาแพงถึง 100 บาท ทางร้านก็จัดให้ตามคำขอ ปริมาณก็ได้ตามราคาที่ลูกค้าสั่ง

เมนูสุดชิคของร้านกะเพราแล้วแต่

ส่วนภาชนะที่สร้างกระแสฮือฮาอย่างมากนั้น ทางเจ้าของร้านย้ำว่า “ภาชนะที่ไม่เกี่ยวกับอาหารมาประยุกต์ใส่อาหารนั้น เราไม่เอาไปให้เขาเอง ปกติใส่ชาม นอกจากลูกค้าขอแบบแปลกมาเท่านั้น คุณขอมาเราจัดให้ แล้วแต่แปลกมาก แปลกน้อยตามคำขอ” ทางด้านความสะอาด หลายคนคงกังวลกับจุดนี้ เจ้าของร้านการันตีว่า ภาชนะที่นำมาใส่อาหารนั้นสะอาดอย่างแน่นอน ภาชนะที่ไม่ได้มีไว้เฉพาะที่จะสัมผัสกับอาหารก็จะรองด้วยถุงพลาสติก ดังนั้นวางใจได้ถึงสุขอนามัยของอาหารที่จะได้รับประทานได้เลย

หากถามถึงจุดเด่นของร้านตามความคิดของเจ้าของร้าน ทั้งคู่ยิ้มพร้อมตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “จุดเด่นคือความกวนตีน ด้านอาหารทางร้านใช้ข้าวหอมมะลิเกรดเอ รสชาติผัดกะเพราก็อร่อยตามแบบฉบับทั่วไป รวมถึงพ่อค้าแซ่บ และเป็นกันเองกับลูกค้ามาก ซึ่งวัยรุ่นส่วนใหญ่จะชอบ”

นอกจากนี้ เจ้าของร้านสุดเเซ่บ ยังมีเคล็ดลับการทำงานเป็นทีมเวิคของร้านอีกด้วย “ในนิยามของคำว่าลูกน้องสำหรับผม คือ ดูแลเขาเหมือนลูก รักกันเหมือนพี่น้อง ทุกคนเป็นครอบครัว ทุกคนเลยรักที่จะทำ ตั้งใจทำงานอย่างมีความสุข ร้านเรามีพักเบรค 15.00-17.00 น. ให้ลูกน้องได้พักระหว่างวัน เนื่องจากคนเราไม่สามารถยืนได้ระยะยาวได้ รวมถึงผ่อนปรนให้คนทำงานไม่เหนื่อยจนเกินไป”

มาเยือนถึงถิ่นขนาดนี้แล้ว พลาดไม่ได้ที่จะถามถึงความรู้สึก หลังได้กระแสตอบรับที่ดีมากในโลกออนไลน์ 

คุณมู๋ เผยว่า “เฉยๆ กับเรื่องดังกล่าว เพราะคาดว่าต้องมาถึงจุดนี้ อย่างหนึ่งที่รู้สึกมากๆ คือกลัวปัญหาที่จะตามมาจากการที่ร้านได้รับความรู้จักกว้างขวาง อาจมีบางคนไม่เข้าใจในบางจุดของร้าน เพราะเราทำในแบบวัยรุ่น ตอนนี้ก็พยายามทำให้ดีที่สุด”

คุณอาร์มมี่ บอกว่า “ก็รู้สึกคล้ายกับคุณมู๋ มีทั้งดีและไม่ดี เหมือนดาบสองคม ด้านดีก็มีคนรู้จักอยากจะมาร้านมากขึ้น แต่ในมุมกลับกันก็หวั่นปัญหาที่จะตามมา พอคนเยอะอาจจะบริการลูกค้าไม่ทัน มีคนติ คนชม คนชอบ ไม่ชอบ ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องยอมรับ และพร้อมปรับตัวให้ร้านไปในทิศทางที่ดีครับ”

ลูกค้าร้านกะเพราแล้วแต่

สุดท้ายแล้ว สองหนุ่มพ่อค้าแซ่บ คุณอาร์มมี่ และคุณมู๋ ได้ฝากถึงคนที่อยากมีธุรกิจส่วนตัวด้วยว่า “สั้นๆ ง่ายๆ คือต้องขยัน ซื่อสัตย์ในตัวเอง และมีวินัย มีใจรักในงานที่เราทำ ลงมือทำมันให้ดี นอกจากนี้ยังต้องตื่นแต่เช้า และอดทน ห้ามบ่น แม้มีคนดูถูก ถ้ารักที่จะทำจริงๆ ไม่ต้องบ่น แม้แต่โพสต์เฟซบุ๊กก็ไม่ต้องโพสต์ ไร้สาระ ลงมือทำอย่างเดียวแล้วจะประสบความสำเร็จเอง”

สำหรับใครที่ต้องการแวะเวียนไปลองลิ้มชิมรสชาติอาหาร และความกวนของพ่อค้า ก็สามารถติดตามร้านกะเพราแล้วแต่ ได้ดังนี้

พิกัดร้าน หลังมหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น

เปิด จันทร์-ศุกร์ เวลา 11.30-21.30น.  เสาร์-อาทิตย์ 12.00-21.30น. มีพักเบรคช่วง 15.00-17.00น.

เฟซบุ๊กแฟนเพจ แล้วแต่ Food&Drink Bar

ทีมงานร้านกะเพราแล้วแต่

ฝากภาพ_4111

 

รุ่งฤดี ฤทธิสิทธ์ ภาพ/เขียน

MThai News