ประเด็นน่าสนใจ
- อธิบดีดีเอสไอได้ยืนยันว่าชิ้นส่วนกระดูก 9 ชิ้น ที่พบในเขื่อนแก่งกระจาน เสื่อมสภาพ
- ไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอได้
- แต่ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีบิลลี่ พอละจี
ความคืบกรณีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยง บ้านโป่ง-บางกลอย ทางอธิบดีดีเอสไอได้ยืนยันว่าชิ้นส่วนกระดูก 9 ชิ้น ที่พบในเขื่อนแก่งกระจาน เสื่อมสภาพ ไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอได้ แต่ไม่กระทบต่อการดำเนินคดี
พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ระบุว่า ได้รับทราบผลการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูกทั้ง 9 ชิ้น ที่ได้นำขึ้นมาจากใต้น้ำบริเวณสะพานแขวนในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในช่วงเดือนพฤษภาคมและสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่าเป็นของมนุษย์ แต่กระดูกเสื่อมสภาพไม่สามารถนำสารพันธุกรรมไปเปรียบเทียบกับสารพันธุกรรมของนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยง บ้านโป่ง-บางกลอย
ซึ่งหายตัวไปภายหลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจับกุมไปว่า มีความสัมพันธ์เป็นมารดากับบุตรหรือไม่ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินคดีกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพราะกระดูกทั้ง 9 ชิ้น พบหลังจากการที่ค้นพบกระดูกกะโหลกศีรษะซีกซ้ายและถังน้ำมัน ในใต้น้ำบริเวณสะพานแขวนในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่ได้มีการตรวจพิสูจน์ทางไมโตรคอนเดรีย และมีการสอบสวนพยานกลุ่มเครือญาติประกอบแล้วฟังได้ว่าเป็นของนายพอละจี
ประกอบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ยืนยันแล้วว่า หากกระดูกชิ้นดังกล่าวไม่อยู่ในร่างกาย เจ้าของกระดูกจะเสียชีวิต ที่ผ่านมาการสอบสวนของดีเอสไอ ได้ใช้วิทยาการหลายสาขา รวมทั้งนำมิติด้านนิติวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ข้อเท็จจริง อันเป็นการแสดงถึงการปฏิบัติงานที่โปร่งใส ปราศจากอคติ อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว ในทางการสอบสวนไม่ได้