ประเด็นสำคัญ
- สหรัฐฯ ยอมรับการส่งโดรนโจมตีเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเป็นการโจมตีกลุ่ม ISIS-K เพื่อป้องกันการโจมตีสนามบินในกรุงคาบูลซ้ำ
- ผลการสอบสวนล่าสุด พบว่า เป็นการโจมตีที่ผิดพลาด และผู้เสียชีวิต 10 ราย เป็นพลเรือน ซึ่ง 7 รายเป็นเด็ก
…
จากเหตุการณ์ระเบิดพลีชีพที่เกิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของการอพยพประชาชนและเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ออกจากกรุงคาบูล ทำให้สหรัฐฯ ได้ส่งโดรนโจมตีรถยนต์ โดยระบุว่าเป็นการป้องกันการก่อเหตุซ้ำ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 10 รายรวมถึงคนขับด้วย เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด ผลการสอบสวนในเกตุหารณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พล.อ.แฟรงค์ แมคเคนซี ออกมาแถลงยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นข้อผิดพลาด และผู้เสียชีวิตไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายแต่อย่างใด และขอยอมรับผิดในการโจมตีที่เกิดขึ้นแต่เพียงผู้เดียว
ซึ่งจากการทบทวนและการสอบสวนอย่างละเอียด การโจมตีทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 10 ราย และในจำนวนนี้ 7 รายเป็นเด็ก ถือเป็นเรื่องน่าเสียใจ และต้องของแสดงความเสียใจอย่างที่สุดต่อผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ ซึ่งทางสหรัฐฯ ชื่อว่า จะมีการโจมตีเกิดขึ้นและจำเป็นที่จะต้องป้องกันการโจมตีที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการอพยพผู้คนออกจากกรุงคาบูล
และทางสหรัฐฯ เตรียมที่จะพิจารณาจ่ายค่าชดเชยให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งหนึ่งในผู้เสียชีวิต เคยทำหน้าที่เป็นล่ามให้กับกองทัพสหรัฐฯ ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถานด้วย
ส่วนการระเบิดครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นและทางกองทัพสหรัฐ อ้างว่า การระเบิดครั้งที่สองเกิดขึ้นจากอาวุธที่อยู่ในรถนั้น ผลการสอบสวนคาดว่าน่าจะเป็นถังแก๊สที่อยู่ด้านหลังรถเกิดระเบิดขึ้น ไม่ใช่ระเบิดแรงสูงตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้ ส่วนสิ่งที่ดูเหมือนถังบรรจุระเบิดนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงภาชนะบรรจุน้ำเท่านั้น
