ประเด็นน่าสนใจ
- จากกรณีอาม่าอายุ 76 ปี ยื่นเรื่องฟ้องศาลแพ่งเอาผิดลูกโกงเงินกว่า 250 ล้านบาท
- ต่อมาลูกออกมาชี้แจงทั้งน้ำตา ยันไม่เนรคุณ ไม่ได้ฮุบเงินแม่
- วันนี้อาม่าฮวยพร้อมทนายแถลงข่าวโชว์หลักฐานสำคัญคดีฟ้องร้องลูกสาวฮุบเงิน
จากกรณีอาม่าฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 76 ปี นอนป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ต้องเจาะคอ มือเท้าอ่อนแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตนเอง
ต่อมาอาม่าฮวยได้ขอความช่วยเหลือจาก ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช โดยระบุว่า อาม่าฮวยถูกลูกสาวในไส้ ร่วมกับพนักงานแบงค์ชื่อดัง ที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศไทย จำนวน 4 คน เปลี่ยนเงื่อนไขการเบิกถอนเงินเดิมในบัญชีออมทรัพย์
จากลงลายมือชื่อเป็นพิมพ์ลายนิ้วมือ และปลอมหนังสือมอบอำนาจ เบิกถอนเงิน และสั่งจ่ายเช็คแทนในบัญชีกระแสรายวัน ถอนเงินออกจากบัญชี อีกทั้งลักเอาเงินออกจากกองทุนเปิด ฯ ของอาม่าฮวยกว่า 250 ล้านบาท ไปจนหมดเกลี้ยง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ลูกในไส้ ร่วมกับพนักงานแบงค์ โกงเงินอาม่าฮวย 250 ล้านบาท
- ลูก อาม่าฮวย โต้ทั้งน้ำตา ยันไม่เนรคุณ ฮุบเงินแม่
- ธนาคารกสิกรไทยชี้แจง ปมอาม่าฮวย “ฟ้องลูก-พนักงานแบงค์” เบิกถอนเงินกว่า 250 ล้าน
วันนี้ อาม่าฮวย และ นายมานพ ลูกชาย น.ส.มินตรา หรือใบเตย ศรีวิรัตน์ หลานสาว และครอบครัว และนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เปิดโรงงานที่ตั้งอยู่ในซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตั้งโต๊ะแถลงร่วมกัน
ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมแสดงหลักฐานสำคัญ ในคดีการฟ้องร้องนางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรสาวคนที่สอง กรณีเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเบิกถอนเงินในบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต
นายอนันต์ชัย ไชยเดช กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ในกรณีที่นางมาวดี ศรีวิรัตน์ บุตรสาวของอาม่าฮวยนั้นได้กล่าวอ้างว่า สะใภ้ และหลานสาว เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ซึ่งข้อเท็จจริง
ทางครอบครัวมีหลักฐานชัดเจนว่า นางมาวดี มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยมีเอกสารการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข การเบิกถอนเงิน การเปลี่ยนเงื่อนไขจากการลงลายมือชื่อ เป็นการปั้มลายนิ้วมือ
โดยใช้หลักฐานเอกสารใบรับรองแพทย์ ระบุว่า อาม่าฮวยได้เข้ารับการรักษาอาการหลอดลมติดเชื้อ ไม่สามารถสื่อสารได้เนื่องจากเจาะคอ และไม่มีเรี่ยวแรงเซ็นต์เอกสารได้ เพื่อนำไปเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการลงนามเบิกจ่ายเงินแบบผิดปกติ
ในประเด็นนี้ ขัดแย้งกับความจริงที่ว่า นางฮวย สามารถเขียนชื่อตัวเองได้ จึงไม่จำเป็นต้องใช้การปั้มลายนิ้วมือ เพื่อเบิกถอนเงิน ทั้งยังพบหลักฐานบัญชีธนาคาร และการซื้อกองทุนจำนวนหลายบัญชีในชื่อของนางมาวดี
โดยในจำนวนเหล่านี้ พบมีเส้นทางการโอนเงินมากถึงหลัก 100 กว่าล้านบาท ซึ่งขัดแย้งกับรายรับของนางมาวดี ที่มีเงินเดือนละประมาณ 20,000 บาท แต่รายการเงินเข้าบัญชีและมูลค่ากองทุนมากถึงประมาณ 300 ล้านบาท
ส่วนของ น.ส. มินตรา ได้กล่าวว่า กรณีนางมาวดี กล่าวหาว่าตนปลอมลายเซ็นนั้น ทางครอบครัวมีหลักฐานที่อาม่าฮวยเซ็นเอกสารต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอทั้งหมด เพราะปัจจุบันไม่สามารถเขียนหนังสือได้แล้ว
ทั้งนี้นายมานพ ศรีวิรัตน์ ลูกชายอาม่าฮวย ก็ยอมรับว่าได้เงินจำนวน 30 ล้านบาทจริง แต่นั่นก็เป็นเพราะอาม่าฮวยรับรู้ และได้ให้ตนมาลงทุนทำธุริกิจ ซึ่งในช่วงท้ายของการแถลงข่าว อาม่าฮวย ยังยกมือเป็นการตอบรับยืนยันเรื่องความประสงค์ของอาม่าฮวยเองที่จะฟ้องร้องนางมาวดี ไม่ใช่ถูกใครชักจูงให้ทำ