ประเด็นน่าสนใจ
- ก่อนหน้านี้ ‘ศรีสุวรรณ’ ได้ยื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อตรวจ ‘ธนาธร’ กรณีปล่อยเงินกู้ให้พรรคอนาคตใหม่ 191 ล้านบาท
- โดยตั้งขอสังเกตว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.ป.พรรคการเมืองหรือไม่
- ด้าน ‘ชูวิทย์’ แสดงความคิดเห็น ระบุ ‘ธนาธร’ ไม่น่ารอด ชี้แม้มีอุดมการณ์แรงกล้า แต่ต้องมาตกม้าตาย
วันนี้ (11 ธ.ค.62) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ได้แสดงความคิดเห็นกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ปล่อยเงินกู้ให้กับพรรคฯ โดยมีข้อความระบุว่า
“นิติกรรมอำพราง เจ้าหนี้ ลูกหนี้
มีหลายคนถามความเห็นผม เรื่องคุณธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน
ในฐานะที่ผมเคยเป็นหัวหน้าพรรค จัดตั้งพรรคเองเหมือนคุณธนาธร เข้าใจดีว่าการดำเนินการพรรคการเมืองจะต้องใช้ทุนจำนวนมากเพื่อสานต่ออุดมการณ์ พรรคเล็กมีทุนน้อย ใครจะมาอยู่ด้วย หากมีอุดมการณ์ แล้วไม่ได้เป็น ส.ส. เป็นธรรมชาติการเมืองไทย
การจะเป็น ส.ส. ได้ต้องเดินด้วยเงินทุน ยิ่งโดยเฉพาะเวลาหาเสียง ไหนจะค่าป้าย ค่ารถหาเสียง ค่าทีมงาน ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายของลูกพรรค ค่าเช่าสำนักงาน จิปาถะ อย่างผมแม้แต่บุหรี่ยังต้องซื้อให้ลูกพรรค
แต่การ “กู้ยืมเงิน” นั้น มีความแตกต่างกันระหว่าง “พรรคการเมือง” กับ” บริษัท” เพราะ
- บริษัททำธุรกิจการค้าหากำไร เมื่อไปกู้เงินใครก็ต้องใช้คืน บวกดอกเบี้ยด้วย หากบริษัทขาดทุน ไม่มีเงินชดใช้ ก็จะต้องถูกฟ้องร้องเพื่อเรียกเงินคืน
- พรรคการเมืองนั้นเป็นงานอาสาทำเพื่อบ้านเมือง ไม่ได้หวังกำไรเป็นตัวเงิน แต่กำไรคือประโยชน์ของประเทศชาติ เมื่อพรรคการเมืองกู้เงินจึงไม่รู้ว่าจะเอากำไรที่ไหนไปคืนคนที่ให้ยืมเงินมา
- ที่สำคัญคือ คนให้กู้ดันเป็นหัวหน้าพรรคเสียเอง หากให้กู้แล้วไม่มีเงินคืน จะไปฟ้องร้องพรรคที่ตัวเองเป็นหัวหน้าได้หรือ?
ไม่มีใครที่ให้กู้เงินไปแล้วไม่หวังจะได้เงินคืน
และเมื่อให้กู้ยืมไปแล้วก็ต้องมีความเกรงอกเกรงใจกัน อย่างชาวบ้านทั่วไป หากไปยืมเงินใคร ความเป็นลูกหนี้ก็ต้องเกรงใจเจ้าหนี้เป็นของธรรมดา หรือที่เรียกว่าเป็น “หนี้บุญคุณ”
หากเป็นบริษัทถ้าไม่มีเงินจ่ายคืนเงินกู้ ก็ยึดหุ้นเข้ามาบริหารกิจการเอง เข้าครอบงำบริษัท หรือตั้งนอมินีมาบริหารงาน
แต่เมื่อเป็นพรรคการเมือง หากไม่มีเงินคืนแล้วคุณธนาธรจะทำยังไง?
เงินให้กู้เป็นร้อยๆ ล้าน แล้วไม่มีคืน ก็หยวนๆ ไป อย่างนี้คงไม่มี
เรื่องนี้ กกต. คงต้องส่งให้ศาลพิจารณาอีก
นึกๆ แล้ว คุณธราธรคงชินกับการทำธุรกิจการค้า
เพราะเวลาไปบอกว่าให้ใครกู้เงิน สถานะความเป็น ”เจ้าหนี้” มันดีกว่า ไม่มีใครเขาจะคุยว่าตัวเองเป็น ”ลูกหนี้”
แต่พอคุณธนาธรเอาไปพูดในสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ว่าตัวเองเป็นเจ้าหนี้ให้พรรคกู้เงิน จึงเป็นเรื่องเป็นราว
งานนี้ คุณธนาธรคงไม่รอดอีกตามเคย แม้อุดมการณ์แรงกล้า แต่ต้องมาตกม้าตาย
เป็นฝ่ายค้านมันชีช้ำอย่างนี้ล่ะครับ สู้เป็นรัฐบาลไม่ได้ ผิดมันก็เป็นถูกได้หน้าตาเฉย”