เมาแล้วขับ

ผู้สูญเสียจากเหตุดื่มขับ เล่าเรื่องเตือน! แนะฉลองอย่างมีสติ

ที่อาคาศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงคมนาคม และภาคีเครือข่ายแถลงข่าว “กลับบ้านปลอดภัย คือของขวัญที่ตีที่สุด” ปีใหม่ 2563 เพื่อประสานความร่วมมือรณรงค์สร้างความตระหนัก ปลูกจิตสำนึกขับขี่ปลอดภัย…

Home / NEWS / ผู้สูญเสียจากเหตุดื่มขับ เล่าเรื่องเตือน! แนะฉลองอย่างมีสติ

ประเด็นน่าสนใจ

  • สสส.- สคอ.จับมือภาคี มอบของขวัญปีใหม่เตือนสติ “กลับบ้านปลอดภัย คือของขวัญที่ดีที่สุด”
  • ปี 2562 ดื่มแล้วขับสูงถึง 30.35% ชี้ 3 ปีย้อนหลังเสียชีวิต 1,364 ราย บาดเจ็บ 12,025 คน เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกการเดินทาง จับจริงขับเร็ว-ดื่ม
  • ด้านผู้สูญเสียเตือนฉลองอย่างมีสติ ลดความสูญเสีย

ที่อาคาศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงคมนาคม และภาคีเครือข่ายแถลงข่าว “กลับบ้านปลอดภัย คือของขวัญที่ตีที่สุด” ปีใหม่ 2563 เพื่อประสานความร่วมมือรณรงค์สร้างความตระหนัก ปลูกจิตสำนึกขับขี่ปลอดภัย

เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ นายพรหมมินทร์ คัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ กล่าวว่า จากข้อมูลศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนระบุว่าในปี 2562

สถิติดื่มแล้วขับสูงถึง 30.5% โดย 3 ปีย้อนหลังมีผู้เสียชีวิต 1,364 ราย บาดเจ็บ 12,025 คน จึงอยากให้เพิ่มความตระหนักมากขึ้น ไม่ยากให้เกิดความสูญเสียซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถป้องกันได้

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์การสูญเสียชีวิตในปีใหม่ 2562 ของศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) สนับสนุนโดย สสส. พบว่า แม้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา จะบังคับใช้กฎหมายเพิ่มขึ้น 34.3%โดยจับกุมข้อหา ขับรถเร็วเพิ่ม 135%, เมาแล้วขับเพิ่ม 15.1% แต่จำนวนผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 463 ราย ส่วนวันเริ่มตันปีใหม่ คือ

1 ม.ค. 62 มียอดผู้เสียชีวิตสูงสุดถึง 91 คน สาเหตุเกิดจากขับเร็ว 38.2%, เมาแล้วขับ 29.6% โดยพบ 53% ของผู้เสียชีวิต มีแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนด และอีกสาเหตุสำคัญผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย 69.7% ในปีนี้ สสส. จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย สนับสนุนกองร้อยน้ำหวาน

12 จังหวัด ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 ดำเนินการป้องกันอุบัติเหตุในชุมชน-หมู่บ้าน โดยการตั้งด่านชุมชน ตรวจเตือนประชาชน สนับสนุนเครื่อข่ายเหยื่อเมาแล้วขับกว่า 100 เครือข่ายใน 70 จังหวัด รณรงค์ลดอุบัติเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พร้อมกับสื่อสารประเด็น “กลับบ้านปลอดภัย คือของขวัญที่ดีที่สุด” ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อให้ข้อคิดเตือนใจกับผู้ที่กำลังจะเดินทางทุกคน ให้พาตัวเองกลับบ้านไปหาคนที่รักอย่างปลอดภัย

พล.ต.ต.ปียะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายเตรียมพร้อมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยการอำนวยความสะดวกจราจร ออกข้อบังคับรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป

ห้ามวิ่งในบางสาย มาตรการ Reversible Lane เพื่อเร่งระบายรถ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลเส้นทางเลี่ยง จัดการจราจรติดขัดบริเวณทางแยก และหน้าสถานีบริการน้ำมันหรือจุดแวะพักรถที่มีผู้เข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการจราจรบนส้นทางหลัก

และมีการนำจิตอาสามาร่วมปฏิบัติในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ส่วนมาตรการลดอุบัติเหตุ มีการบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดเน้น 10 ข้อหาหลัก เน้นหนักจับกุมข้อหาเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด

ทั้งขับเร็วเกินกำหนด ขับขี่รถในขณะเมาสุรา ไม่สวมหมวกนิรภัย และเพิ่มชุดเคลื่อนที่เร็วกวดขันวินัยการจราจรจุดเสี่ยง เข้มงวดพื้นที่จัดเลี้ยงรื่นเริง บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทุกรายทีสสัยหรือเกิดอุบัติเหตุ

นางสาวสุกัญญา หมีบังเกิด ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในปีนี้กระทรวงคมนาคมได้วางมาตรการประชาสัมพันธ์รณรงค์เน้น ใส่ใจตนเองรักษากฎจราจร คาดเข็มขัดนิรภัย และใส่หมวกกันน็อก ใส่ใจเพื่อนร่วมทาง

ส่วนของขวัญปีใหม่ 2563 ที่กระทรวงคมนาคมมอบให้ คือการยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ทางพิเศษบูรพาวิถี(ทางพิเศษบางนา-ชลบุรี)

และทางพิเศษกาญจนาภิเษก(บางพลี-สุขสวัสดิ์) “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” บริการตรวจเช็คสภาพความพร้อมโดยไม่คิดค่าบริการ และในบริเวณที่มีงานก่อสร้างให้คืนพื้นผิวจราจรและหยุดงาน ติดตั้งเครื่องหมาย สัญญาณไฟ ป้ายเตือน จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งและรุนแรง เพื่อให้ระมัดระวังมากขึ้น พร้อมบังคับใช้กฎหมายตรวจจับความเร็วของรถโดยสารสาธารณะในเส้นทางสายหลักเข้า-ออกกรุงเทพสู่ภูมิภาค รวมทั้งการเฝ้าระวังจากระบบ GPS กรณีพบการกระทำผิดให้แจ้งเตือนผู้ประกอบการขนส่งเพื่อลงโทษ

ด้าน นายธีรภัทร กุลพิศาล อายุ 36 ปี ผู้สูญเสียจากการดื่มแล้วขับช่วงปีใหม่ เล่าว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ตนกับเพื่อนรุ่นพี่เดินทางไปเที่ยวต่งจังหวัด แวะเที่ยว แวะดื่มตลอดทางจนกลับถึงกทม. และรุ่นพี่ก็ชวนไปเที่ยวต่อที่ จ.ชลบุรี ตลอดทางก็ซื้อสุรามาดื่มในรถ ในวันที่เดินทางกลับ เมื่อใกล้ถึงกรุงเทพฯ คนขับหลับในชนเสาไฟฟ้าเกาะกลาง เพราะดื่มสะสมมาหลายวันและพักผ่อนน้อย

ทำให้เพื่อนที่นั่งกระบะท้ายคอหักเสียชีวิตทันที แต่คนขับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนตนเองรู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล พบว่าหลังหักกลายเป็นคนพิการอัมพาตครึ่งท่อน จากเหตุการณ์วันนั้นทำให้ชีวิตเปลี่ยนทั้งการเรียนการใช้ชีวิตประจำวัน

แต่สิ่งที่สร้างกำลังใจคือครอบครัว ทำให้สู้และกลับไปเรียนจนจบ ปวส. แต่เดิมที่เคยเป็นนักกีฬาฟุตบอล พอสูญเสียการเดินทำให้ลำบากมากขึ้น แต่ก็ยังอยากออกกำลังกาย จึงหันไปฝึกกีฬาฟันดาบ จนกระทั่งได้เป็นนักกีฬาทีมชาติ