ประเด็นน่าสนใจ
- เกาหลีใต้ รายงานการพัฒนาขีปนาวุธรุ่นใหม่ ที่ระบุว่า มีพลังการทำลายล้างสูง
- โดยการพัฒนาเข้าสู่ขั้นสุดท้าย สามารถบรรทุกหัวรบได้ 3 ตัน ยิงได้ทั่วทุกจุดในเกาหลีเหนือ
- ตั้งงบพัฒนาศักยภาพด้านการทหาร อีกว่า 8.8 ล้านล้านบาท
…
รัฐบาลเกาหลีใต้ได้เปิดเผยว่า ในขณะนี้เกาหลีใต้ได้เข้าสู่ขั้นสุดท้ายของการพัฒนาขีปนาวุธทิ้งตัว หรือ Ballistic missiles รุ่นใหม่ที่สามารถติดหัวรบขนาด 3 ตันได้ โดยสำหรับข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ ได้รายงานความคืบหน้าในโครงการนี้
โดยในรายงานระบุว่า ขีปนาวุธรุ่นใหม่นี้ จะสามารถบรรทุกหัวได้ถึง 3 ตัน และมีพิสัยการยิงราว 350 – 400 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังได้มีการออกแบบให้สามารถทำลายสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ รวมถึงฐานยิงขีปนาวุธใต้ดินได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธนิวเคลียร์ – ขีปนาวุธข้ามทวีปได้ ก่อนที่ขีปนาวุธเหล่านั้นจะถูกปล่อยออกมา ซึ่งขีปนาวุธชนิดใหม่นี้ จะสามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ของเกาหลีเหนือได้ หากมีการติดตั้งปริเวณพรมแดน
ท่ามกลางการเจรจาการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่ชะงักไปจากเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงผู้นำสหรัฐฯ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รวมถึงความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีอีกด้วย
โดยเฉพาะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ( 27 ส.ค. 64 ) หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่า เกาหลีเหนือมีการเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อีกครั้ง ในเมือง Yongbyon ตั้งแต่ช่วงเดือนก.ค. ที่ผ่านมา
โครงการนี้ เดินทางพัฒนาหลังจากได้บรรลุข้อตกลงยกเลิกข้อจำกัดในการพัฒนาขีปนาวุธ กับทางสหรัฐฯ ของทางเกาหลีใต้ เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ทำให้เกาหลีใต้สามารถพัฒนาขีปนาวุธในพิสัยไกลกว่า 800 กม.ได้ และมีแผนการปรับปรุงความสามารถของขีปนาวุธรุ่นใหม่ให้มีความแม่นยำและประสิทธิภาพสูงขึ้นได้ เพื่อใช้ยับยั้ง สร้างความมั่นคงและสันติภาพให้เกิดขึ้นได้ในคาบสมุทรเกาหลี
ซึ่งอยู่ในแผนการป้องกันประเทศ ในปี 2565 – 2569 และนอกจากขีปนาวุธแล้ว ยังมีการอัปเกรพอื่นๆ อีกหลายอย่าง โดยจะเน้นไปที่การพัฒนาขีปนาวุธรุ่นใหม่ “เน้นการเพิ่มศักยภาพพลังการทำลายล้าง” และคาดว่าขีปนาวุธใหม่นี้ จะสามารถบรรจุเข้าประจำการได้ในช่วงก่อนปี 2569
โดยเมื่อปีที่ผ่นามา เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาขีปนาวุธแบบพื้นสู่พื้น Hyunmoo-4 ได้สำเร็จ ซึ่งมีพิสัยในการยิงได้ไกลถึง 800 กม. ในขณะที่ติดหัวรบขนาด 2 ตัน
อย่างไรก็ตาม โครงการตามแผนการที่เกาหลีใต้วางไว้ ได้มีการตั้งงบประมาณไว้ราวกว่า 315 ล้านล้านวอน หรือราว 8.88 ล้านล้านบาท โดยจะมีการแบ่งงบประมาณจำนวน 3 ล้านล้านบาท ในการพัฒนาศักยภาพในการป้องกันประเทศ และอีกราว 5.8 ล้านล้านบาท จะถูกใช้ในการจัดสนับสนุนกองทัพ
โดยทางจะมีการติดตั้งระบบตรวจจับภัยคุกคามทั่วทั้งคาบสมุทรเกาหลีให้เพิ่มมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงระบบเรด้าห์ตรวจจับขีปนาวุธต่าง ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเฝ้าระวังให้สูงที่สุด
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมลุยในโครงการอวกาศเพิ่มเติม เพื่อติดตั้งดาวเทียมทางทหาร และดาวเทียมอื่น ๆ ในการตรวจสอบวัถตุต่าง ๆ เพิ่มเติมในอวกาศได้อีกด้วย
ทางการเกาหลีใต้ เดินหน้าเสริมศักยภาพทางทหาร
ในช่วงที่ผ่านมาท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ ทำให้เกาหลีใต้ได้เสริมศักยภาพทางการทหารอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้ทำพิธีรับมอบเรือดำน้ำ ขนาด 3,000 ตัน ROKS Dosan Ahn Changho (SS-083) ที่ผลิตโดยบริษัท Hyundai Heavy Industries และ DSME corporations ร่วมกับบริษัทในประเทศอื่น ๆ อีก โดยมีบริษัทในอังกฤษ เป็นผู้ช่วยเหลือในด้านเทคนิคต่าง ๆ ในการสร้างอีกด้วย
ซึ่งเป็นเรือดำน้ำลำแรกของประเทศเกาหลีใต้ ที่สามารถติดตั้งและยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำได้ (Submarine-launched ballistic missile หรือ SLBM)
เรือเรือฟริเกต ROKS Daejeon (FFG-823) ชั้น FFX-II ลำที่ 5 ที่เพิ่งมีการบรรจุเข้าประจำการเมื่อเดือน พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา
เรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ LPH-6112 Marado ชั้น Dokdo เมื่อ 14 พ.ค. 61 ลำที่ 2 ซึ่งสามารถบรรทุกลูกเรือจำนวน 330 นาย นาวิกโยธิน 720 นาย รวมถึงบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ได้ 7-12 ลำ พร้อมติดตั้งขีปนาวุธแบบพื้นสู่อากาศ อาวุธในระยะประชิด และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ อีก
ที่มา –
- https://m-en.yna.co.kr/view/AEN20210901010251325